'เท้าสะเอวสู้โลก'แบบซูเปอร์แมน แค่เท่หรือช่วยเพิ่มพลังอำนาจ
อีกการทดลองให้ลองทำท่าทางแตกต่างกัน แรกๆ มีนักวิจัยบอกว่า “การเท้าสะเอว” สามารถเพิ่มพลังอำนาจได้ แต่ก็มีอีกงานวิจัยลบล้างเรื่องนี้
ท่าเท้าสะเอวของซูเปอร์แมนหรือวอนเดอร์วูแมน มีเอาไว้ให้ดูเท่ๆ แค่นั้น หรือจะมีอำนาจเสริมเพิ่มพลังได้อย่างในคำภาษาอังกฤษเรียกขานว่าเป็น power poses หรือ “ท่าทรงพลัง”
หากเป็นคนไทยทั่วไปก็คงถกกันเล่นๆ ขำๆ ว่า ยังไงกันแน่
แต่เชื่อไหมครับว่า…มีฝรั่งทำวิจัยด้วยว่า ยืนทำท่าแบบนี้ แล้วมันไปเพิ่มความมั่นอกมั่นใจได้ด้วยจริงหรือไม่ !
เรื่องของเรื่องก็คือ มีงานวิจัยที่ออกมาในปี 2010 ตีพิมพ์ในวารสาร Psychological Science (ฉบับ 21 ก.ย.) โดย แดนา คาร์นีย์ (Dana Carney) เอมี คัดดี้ (Amy Cuddy) และแอนดี แยบ (Andy Yap) จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียและฮาร์วาร์ด
การทดลองก็ไม่ซับซ้อนมากนัก ผู้วิจัยให้ผู้เข้าร่วมทดลองทำท่าทางต่าง ๆ ครอบคลุมกลุ่มท่าทางแบบ “ปิด” เช่น การท้าวคาง การก้มหน้า การกอดอก ฯลฯ ซึ่งแสดงนัยยะของอาการไร้เรี่ยวแรงหรือพลัง
ในทางตรงกันข้าม อีกกลุ่มก็แสดงท่าทางแบบ “เปิด” เช่น การเท้าสะเอว การยกมือขึ้นผายออกเหนือหัว การยืนโน้มตัวไปข้างหน้า การนั่งไขว่ห้างเอามือทั้งสองข้างพาดศีรษะ ฯลฯ นาน 1 นาที
จากนั้นก็ให้ผู้เข้าร่วมการทดลองปฏิบัติภารกิจคือ เข้าร่วมแข่งพนัน โดยแต่ละคนจะได้รับเงิน 2 เหรียญ และมีโอกาสเสี่ยงให้ได้เงิน 4 เหรียญหรือสูญเงิน 2 เหรียญของตัวเองไป โดยโอกาสเสี่ยงอยู่ที่ 50/50 พร้อมกับโดยให้แต่ละคนระบุว่าตัวเองรู้สึกว่า “กล้าเสี่ยง” มากเพียงใดในระดับ 1–4
พวกเขาสรุปจากผลการทดลองว่า แค่การทำท่าทางแตกต่างกันแบบนี้ ก็ช่วยทำให้ร่างกายเกิดการหลั่งฮอร์โมน จนทำให้เกิดพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง!
ท่าทางทรงพลังอย่าง “การเท้วสะเอว” สามารถไปทำให้มีการเพิ่มระดับของฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (เพิ่มความดุดัน ก้าวร้าว) ลดระดับคอร์ทิซอล (ซึ่งออกมากเวลาเครียด) และยังไปช่วยเพิ่มความรู้สึกมีอำนาจและความกล้าเสี่ยงต่างๆ ในที่นี้คือ กล้าเสี่ยงโชค
นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่าท่าทางแสดงอำนาจแบบนี้มีข้อดี คือ อาจช่วยเรื่องปรับตัวได้ดีทั้งทางสรีรวิทยา จิตวิทยา และพฤติกรรม
แถมที่สำคัญคือออกผลเร็วมาก แค่ทำท่าเพียงนาทีเดียวก็ออกฤทธิ์แล้วครับ ว้าว! อ่านแล้วแทบจะกระโดดลุกมาเท้าสะเอวกันเลยทีเดียวใช่ไหมครับ
ต่อมาในเดือนกันยายน 2012 คัดดี้และทีมนี้ ยังตีพิมพ์ใน Harvard Business School Working Paper (13-027) เรื่องผลการทดลองเพิ่มเติมว่า หากสมมติให้ผู้เข้าทดลองต้องกล่าวแนะนำตัว และพูดคุยจำลองสถานการณ์การเข้าสัมภาษณ์งาน
เมื่อนำวิดีโอการทดลองมาวิเคราะห์ก็พบว่า พวกที่แสดงกลุ่มท่าทางแบบเปิดมากกว่า “ระหว่างการเตรียมตัวก่อนพูด” จะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตัวเองได้ดี พูดมีเนื้อหาและวางโครงสร้างการพูดดี รวมทั้งมั่นอกมั่นใจและพูดได้จับใจผู้ฟังมากกว่า
สาเหตุที่ต้องบันทึกท่าทางก่อนการสัมภาษณ์ ก็คงเข้าใจได้ไม่ยาก ลองนึกภาพว่านั่งสัมภาษณ์แล้ว เอนหลังสบายใจ เอามือรองศีรษะไปคุยไป หรือถึงกับเอาเท้าขึ้นมาพาดโต๊ะ กรรมการสัมภาษณ์คงรู้สึกเป็นลบมากกว่าบวกแหงๆ เลยครับ
ข้อสรุปจากการทดลองก็คือ เมื่อประเมินผลการสัมภาษณ์ พบว่าผู้ที่ทำท่าทรงพลังมีโอกาสจะได้รับการจ้างงานมากกว่า...ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่า การทำท่าแตกต่างกันแค่นี้ สร้างความแตกต่างได้มากขนาดนั้นเลยทีเดียว
ภายหลังคุณคัดดี้ เธอยังไปเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งขายดิบขายดีระดับเบสต์เซลเลอร์เสียด้วย ชื่อ Presence: Bringing Your Boldest Self to Your Biggest Challenges แถมได้รับเชิญไปพูดเรื่องนี้บ่อยๆ รวมทั้งใน TED Talk ซึ่งมีคนดูและอ้างอิงเป็นล้านคนอีกด้วย
แต่ก็นั่นแหละครับ มีคนคิดสงสัยว่า “มันง่ายไปไม๊?”
มีงานวิจัยโดยทีมจากมหาวิทยลัยซูริกและดาร์ทเมาท์คอลเลจ นำโดยโรเบิร์โต เวเบอร์ (Roberto Weber) ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Psychological Science ปี 2015 (vol. 26(5), 653-656) ที่ทำซ้ำการทดลองนี้และทำเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย
พวกเขาสรุปผลว่า จากการทดลองที่ใช้กลุ่มตัวอย่างมากกว่าในคราวนี้ คือ 200 คน (ในการทดลองปี 2010 ใช้ 42 คน) ได้ผลที่ค้านกันอย่างเห็นได้ชัด ท่าทรงพลังไม่ได้ส่งผลอย่างที่กล่าวอ้างไว้แต่อย่างใด รวมทั้งเมื่อวัดระดับฮอร์โมนจากน้ำลายก่อนและหลังทดลอง ก็ไม่พบการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนอย่างเด่นชัดแต่อย่างใด
ต่อมาคาร์นีที่เป็นหนึ่งในตัวหลักผู้ทดลองในปี 2010 ก็แสดงจุดยืนว่า ขอกลับลำเรื่องข้อสรุปในเปเปอร์ดังกล่าว และผลการทดลองอาจจะมีความคลาดเคลื่อนบางอย่างอยู่ เพราะมีเปเปอร์ที่พยายามทำซ้ำ แต่ได้ผลไม่ตรงกันอยู่หลายเปเปอร์
ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะจำนวนตัวอย่างผู้เข้าทดลองน้อยเกินกว่าจะสรุปได้แน่นอน และ การออกแบบการทดลองอาจไม่รัดกุมพอ เพราะผู้ควบคุมการทดลองบางคนรู้รายละเอียดและสมมุติฐานตั้งต้นชัดเจน จนอาจจะมีอคติทำให้ผลการทดลองผิดเพี้ยนได้
เรื่องนี้ถ้าเป็นคนนอกวงการวิทยาศาสตร์ อาจจะแสดงอาการประหลาดใจว่า เอ๊ะ ขนาดคนทำเองยังเปลี่ยนใจได้ “แบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ” แต่สำหรับวงการวิทยาศาสตร์แล้ว การยอมรับผลที่ต่างไปเมื่อมีการทดลองใหม่ที่รัดกุมมากขึ้น เป็นเรื่องไม่แปลกอะไรมากนะครับ
อดเสียดายไม่ได้นะครับว่า ท่า “เท้าสะเอวสู้โลก” แบบซูเปอร์แมนหรือวอนเดอร์วูแมน น่าจะเป็นแค่เป็นเรื่องเท่ๆ ที่ไม่ได้ช่วยเพิ่มพลังหรือกำลังใจอะไรเลย!
'คนละครึ่ง' ลงทะเบียน 20 ม.ค.นี้ ใครไม่มีสิทธิ์รับเงิน 3,500 บาทบ้าง?
‘เราชนะ’ ลุ้นวันนี้! เงื่อนไขสำคัญ ลงทะเบียน www.เราชนะ.com รับเงินเยียวยาโควิดรอบใหม่
ครม.อนุมัติ 'เราชนะ' จ่ายเยียวยา 3,500 บาท ลงทะเบียน 29 ม.ค.นี้
'เราชนะ' รับเงินเยียวยา 3,500 บาท 2 เดือน กดเป็นเงินสดไม่ได้!
‘เราชนะ’ วันนี้ลุ้น! ครม. อนุมัติหลักเกณฑ์จ่าย 'เงินเยียวยา' 31 ล้านคน
'เราชนะ' สรุปใครได้ 3,500 บาท 2 เดือนบ้าง? ลงทะเบียนอย่างไร เช็คที่นี่!