‘แคสเปอร์สกี้’ แชร์เส้นทางสู่ ‘อินฟลูเอ็นเซอร์’ อย่างปลอดภัย

การสะกดรอยตามทางไซเบอร์ กลายมาเป็นการข่มเหงทางกายภาพในโลกจริงได้

การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ทั้งผู้ปกครองและบุตรหลานพากันไปใช้เวลาอยู่ในโลกออนไลน์มากขึ้น การศึกษาวิจัยล่าสุดโดยแคสเปอร์สกี้ พบอัตราการเพิ่มจำนวนชั่วโมงออนไลน์นับได้ถึงสองชั่วโมงต่อวัน ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบผู้ปกครองในภูมิภาคคิดเป็น 63% เห็นด้วยว่าลูกหลานของตัวเอง กำลังหันมาใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่าปีที่แล้ว มีปัจจัยเร่ง เช่น คลาสออนไลน์ การสอนเวอร์ช่วล อีเกมมิ่ง และช่องทางความบันเทิงต่างๆ เพื่อหลีกหนีความน่าเบื่อหน่าย

แม้แต่ก่อนช่วงล็อคดาวน์ เด็กๆ ก็รู้จักเทรนด์ยอดฮิตของอินฟลูเอ็นเซอร์ ตามอินเทอร์เน็ตกันมาแล้ว ขณะที่ การสำรวจโดย Morning Consult เมื่อปี 2019 เผยว่า ผู้คนจำนวนมากถึง 86% ช่วงอายุ 13 ถึง 38 ปี ใฝ่ฝันเป็น ผู้มีอิทธิพลทางอินเทอร์เน็ต (influencer) มีความเป็นไปได้ที่ตอนนี้ตัวเลขน่าจะสูงกว่านี้แล้ว เนื่องจากเป็นช่องทางที่มีผู้ติดตามชมทางออนไลน์เพิ่มขึ้น แต่การจะฟูมฟักหรือก้าวขึ้นมาครองตำแหน่งดาวของ ยูทูบ หรือ อินสตาแกรม นั้นต้องใช้อะไรกันบ้าง

แคสเปอร์สกี้แนะป้องภัยไซเบอร์เด็ก

แคสเปอร์สกี้ เปิดผลวิจัยชื่อ “More Connected Than Ever Before: How We Build Our Digital Comfort Zones” สำรวจความเห็นจากผู้ปกครอง 760 รายในภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบผู้ปกครองมากกว่าครึ่งหนึ่ง 52% ไว้ใจลูกตัวเองว่า รู้วิธีดูแลตัวเองให้ปลอดภัยในโลกออนไลน์ มี 27% เท่านั้นที่เห็นต่าง ขณะที่ 16% ยังไม่แน่ใจเท่าไร

“สเตฟาน นิวไมเออร์” กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า เด็กกำลังเติบโตขึ้นท่ามกลางโลกที่ทุกคนเชื่อมโยงกัน คนแปลกหน้าจากอีกประเทศสามารถข้ามมากดไลค์รูปภาพหรือคลิปวิดีโอได้รวดเร็ว เขียนคอมเม้นท์ หรือบางทีล่าเหยื่อที่ตามเกมไม่ทันได้ทางโลกออนไลน์ ผู้ปกครองจำเป็นต้องปกป้องให้คำแนะนำแก่เด็ก การที่คิดเองว่าเขาสามารถป้องกันตัวเองได้ เป็นเรื่องน่าวิตกที่สุด เหมือนปล่อยให้เด็กนั่งรถสาธารณะไปไหนเองโดยไม่รู้เหนือรู้ใต้ เป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตรายยิ่ง

และเสริมว่า “ไม่ผิดหรอก ถ้าเด็กฝันอยากจะเป็นบล็อกเกอร์หรืออินฟลูเอ็นเซอร์ ก็เหมือนกับที่รุ่นก่อน ฝันเป็นนักร้องดาราดัง แต่ที่สำคัญ คือ ต้องสนับสนุนและให้คำปรึกษาแนะนำลูกหลานไปด้วยกัน ที่สำคัญ คือ สอนให้รู้จักใช้เครื่องมือที่ถูกต้อง และฝึกพฤติกรรมที่จะนำทางให้เขาปลอดภัยเมื่ออยู่ในโลกออนไลน์”

แคสเปอร์สกี้ แนะวิธีช่วยประคับประคองเด็กบนเส้นทางสู่การเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์ยอดนิยม จากที่ทุกวันนี้ เด็กหลายคนอยากเป็นคนดัง และใช้บัญชีส่วนตัวบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค ซึ่งเป็นวิธีอันตรายต่อความปลอดภัยส่วนบุคคลของเด็ก บัญชีดังกล่าวจะดึงดูดพวกที่ก่อความวุ่นวาย ป่วน เกรียนตามอินเทอร์เน็ต (internet trolls) มาคอมเม้นท์ อาจกระทบกระเทือนจิตใจ เกิดปัญหาสุขภาพจิตตามมา

เปิดเคล็ดลับสกัดเกรียนคีย์บอร์ด

จากนี้ คือ คำแนะนำที่น่าจะเป็นประโยชน์ เพื่อผู้ปกครองพิจารณา 1.โซเชียลมีเดียคือเส้นทางสื่อสารในโลกของเด็กๆ กับกลุ่มเพื่อนเขา อย่าเปลี่ยนสถานะจากส่วนตัว มาเป็นสาธารณะควรปล่อยให้เขามีช่องทางส่วนตัวที่คนแปลกหน้าหรือพวกเกรียนคีย์บอร์ดไม่สามารถเข้าไปรบกวนจิตใจ บัญชีส่วนตัวควรต้องเป็นโลกโซเชียลสำหรับเขากับเพื่อนญาติสนิท ครูอาจารย์ คนที่มีความสำคัญต่อเด็กในชีวิตจริงเท่านั้น

2.ผู้ปกครองควรย้ำเตือนความจริง สิ่งที่โพสต์บนอินเทอร์เน็ต จะคงล่องลอยอยู่บนนั้นไปอีกนาน รวมทั้งคำพูด คำวิจารณ์ของผู้คน สามารถจะย้อนมาก่อปัญหาให้เราได้ในอนาคต

3.สร้างบัญชี (account) สำหรับสาธารณะด้วยกันกับลูกหลานของคุณ อย่าปล่อยข้อมูลอ่อนไหวหรือเรื่องส่วนตัวลิงก์ไปเพจของคนในครอบครัว เพราะข้อมูลเหล่านี้จะเกิดความเสี่ยงอย่างมากในวันที่เขากลายเป็นคนดังขึ้นมา อาจมีคนมาขุดคุ้ยข้อมูลเพื่อใช้ก่อความเดือดร้อนระรานให้แก่ตัวเด็ก ครอบครัว

เซ็ตระบบซิเคียวริตี้บัญชีโซเชียล

4.อธิบายให้เด็กรู้จัก cyber-stalking หรือ การสะกดรอยตาม เกาะติดทางไซเบอร์ ซึ่งเป็นรูปแบบการระรานทางออนไลน์ ที่กลายมาเป็นการข่มเหงทางกายภาพในโลกจริงได้ จงจำไว้ว่าห้ามให้ข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลเกี่ยวกับตัวตน กับคนแปลกหน้าที่พบบนบัญชีออนไลน์สาธารณะโดยเด็ดขาด

5. บัญชีโซเชียลเน็ตเวิร์คทุกบัญชีควรเซ็ตอัพระบบความปลอดภัยเอาไว้ ป้องกันความเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมยูสเซอร์เนม รหัสผ่าน

6. เตรียมตัวรับมือกับปัญหาจากพวกเกรียนคีย์บอร์ดชอบระราน ผู้ปกครองต้องแนะนำในการรับมือ อาจเลือกวิธีที่สะดวกที่สุด คือ เมินเฉยไม่ใส่ใจและลบคอมเม้นท์ออกไปบ้าง

7. ย้ำเตือนเรื่องข้อบัญญัติข้อกฎหมาย ซึ่งมีความเข้มงวดในเรื่องพฤติกรรมบนอินเทอร์เน็ต คุณและลูกหลานควรจะศึกษาร่วมกันถึงหัวข้อที่ควรเลือกมาเขียนลงบนอินเทอร์เน็ต