ไปไม่สุด ขุดไม่ถึง ระวัง "ราษฎรสายเหยี่ยว"
ม็อบราษฎรจะทนแรงยั่วยุไปได้แค่ไหน หรือหากมี "ราษฎรสายเหยี่ยว"เข้ามาแทรกการนำ
ในรอบสิบกว่าปีมานี้ เราคุ้นเคย “แกนนำมวลชน” ที่เป็นนักพูด นักทฤษฎี นักปลุกระดม จากเวทีม็อบเหลือง ม็อบแดง ม็อบ กปปส.
มาถึงยุคม็อบราษฎร ปรากฏว่า แกนนำ Gen Y Gen Z มีท่วงทำนองแตกต่างจากม็อบรุ่นพ่อ
“อานนท์ นำภา” หากไม่ได้เป็นแกนนำม็อบราษฎร เขาน่าจะไปเอาดีในสายบันเทิงได้สบาย เพราะชอบร้องหมอลำ และกินลาบก้อย
“ทนายน้อย” ได้นำเอาวัฒนธรรมการกินพื้นถิ่นอีสาน ยกระดับสู่วัฒนธรรมการเมือง เขาจึงกลายเป็นหัวหน้า“คณะลาบ” ไปโดยปริยาย
ไม่กี่วันก่อน อานนท์ สื่อสารผ่านเฟซบุ๊คว่าด้วยเรื่อง “ประนีประนอม” จนถูกตีความไปต่าง ๆ นานา ซึ่งล่าสุด อานนท์แจงว่า ประนีประนอมนั้น หมายถึงข้อเสนอ “ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์” หากพวกเขาไม่ประนีประนอม ก็ต้องเลือกหนทางการต่อสู้อีกแนวทางหนึ่ง
อานนท์ นำภา เข้าเรียนกฎหมายรามคำแหง ปี 2546 สมัยรัฐบาลทักษิณ อีกสองปีถัดมากลุ่มนักวิชาการหัวก้าวหน้าเริ่มก่อการวิพากษ์ “ระบอบทักษิณ” ตามมาด้วย “ปรากฏการณ์สนธิ” อานนท์ และเพื่อนนักศึกษารามฯ ก็เข้าร่วมการชุมนุมคนเสื้อเหลือง
พลันที่กลุ่มพันธมิตรฯ เรียกร้องนายกพระราชทาน อานนท์และเพื่อนนักศึกษา ก็แยกตัวออกมา
ปลายปี 2549 อานนท์ร่วมกับแจกใบปลิวต้านเผด็จการทหาร และเข้าร่วมเครือข่าย 19 กันยาต้านรัฐประหาร
รัฐประหาร 2557 อานนท์เป็นทนายความ รับทำคดีของคนเสื้อแดง รวมถึงกลุ่มแดงอิสระ(แดงตาสว่าง)
จากชีวิตทนายเสื้อแดง ก็กลายเป็นนักกิจกรรม ร่วมจัดการชุมนุมต้านรัฐประหาร ร่วมกับ “แม่น้องเกด” และ“พ่อน้องเฌอ” หลังจากนั้น “จ่านิว” และ “โรม” ก็เข้ามาร่วม
อานนท์ จึงอาวุโสที่สุดในกลุ่มแกนนำคณะราษฎร และมีประสบการณ์การเคลื่อนไหวของคนเสื้อเหลือง คนเสื้อแดง และ กปปส.
อานนท์ นำภา คงคาดไม่ถึงหรอกว่า จากความล้มเหลวในการเดินขบวนจากธรรมศาสตร์ไปทำเนียบรัฐบาลในนามกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ในปี 2561 จะมีวันที่ม็อบราษฎร เติบโตและสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั้งประเทศ
เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2563 อานนท์ โพสต์เฟซบุ๊คว่า “วันนี้เรามีคนรุ่นใหม่ 15-30 ปี ที่เชื่อเรื่องสิทธิเสรีภาพความเสมอภาคมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง แก้รัฐธรรมนูญ อีก 10 ปี เราจะมีคนช่วงอายุนี้ที่เชื่อในเรื่องเดียวกัน สามารถลงสมัคร ส.ส. และมีคนรุ่น 35+ ปี ที่สามารถเป็นรัฐมนตรีได้”
การชุมนุมของเยาวชนคนรุ่นใหม่ในปีนี้ แตกต่างจากม็อบพันธมิตรฯ ม็อบ นปช. และม็อบ กปปส. ทนายอานนท์ นำภา บอกว่า นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “หลักการนำมวลชน” ไม่ใช่แกนนำมวลชน
ลักษณะการชุมนุม จึงเป็น “ม็อบอีเวนท์” ไม่ใช่ “ม็อบกดดัน” คนเสื้อแดงที่เข้าร่วมการชุมนุมแฟลชม็อบใหม่ๆก็รู้สึกหงุดหงิดกับม็อบเด็กที่ไปไม่สุด ขุดไม่ถึง
การต่อสู้สันติวิธี ย่อมถูกทดสอบความอดทนอดกลั้น และปฏิเสธไม่ได้ว่า การเล่นประเด็นสุ่มเสี่ยง ย่อมกระตุ้นให้ฝ่ายตรงข้ามลุกขึ้นตอบโต้
ม็อบราษฎรจะทนแรงยั่วยุไปได้แค่ไหน หรือหากมี "ราษฎรสายเหยี่ยว" เข้ามาแทรกการนำ เอวังก็อาจมาถึงเร็วกว่าที่คิด