โควิด-19บูมอสังหาฯลงทุนแห่ผุดโปรเจคดันยอดขาย

โควิด-19บูมอสังหาฯลงทุนแห่ผุดโปรเจคดันยอดขาย

“ฮาบิแทท กรุ๊ป” เผยโควิด-19 บูมอสังหาริมทรัพย์เพื่อลงทุนคึกคัก ดีเวลลอปเปอร์ในตลาดหลักทรัพย์ฯจ่อคิวโดดร่วมวง หวังกระจายเสี่ยง ดันการแข่งขันปีหน้ารุนแรง เล็งลงทุนทำเล ชลบุรี พัทยา กรุงเทพฯ ในพอร์ตแนวราบ โมเดลเวลเนส รีไทร์เมนต์

นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป กล่าวว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบไลฟ์สไตล์อินเวสเมนต์ หรือโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนยังคงเติบโต โดยในส่วนของบริษัทฯมีกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาซื้อเพื่อการลงทุนและพักผ่อน จากพื้นฐานการทำธุรกิจแรกเริ่มของบริษัทที่มาจากโมเดลไลฟ์สไตล์อินเวสเมนต์โรงแรม ไม่ใช่การสร้างคอนโดมิเนียมแล้วขายไม่ได้ ถึงค่อยปรับมาทำอสังหาฯเพื่อลงทุน

“ธุรกิจของบริษัทชัดเจนตั้งแต่แรกว่า ปลายทางจะสร้างกระแสเงินสด เพื่อสร้างรายได้ต่อเนื่อง หรือ Passive income ที่ยั่งยืน ซึ่งปัจจัยที่ทำได้แบบนี้มาจากทำเล สินค้า แบรนด์ที่น่าเชื่อถือ กลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงน้อย” นายชนินทร์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม เขาระบุว่า ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการอสังหาฯขนาดเล็กและกลางหลายราย ได้นำโมเดลดังกล่าวไปดำเนินการ แต่หลายรายเช่นกันที่ไม่มีประสบการณ์ เช่น ทำเลอาจไม่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย การเดินทางไม่สะดวก ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ ต้องล้มหายตาย เหลือแต่คนที่เข้าใจโมเดลการทำธุรกิจอย่างแท้จริงเท่านั้นจึงรอด    

“ยิ่งถ้าอยู่ในโซนที่มีแต่กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ อย่าง ภูเก็ต เชียงใหม่ อาจจะเสี่ยงสูง เวลาที่นักท่องเที่ยวหายไปอย่างในช่วงโควิด-19 เหมือนอย่างโรงแรมในภาคใต้ จำนวน4,000 โรง เปิดแค่ 1% เท่านั้น”

นายชนินทร์ ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการอสังหาฯรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหลายรายที่เข้ามาในธุรกิจนี้ โดยบางรายเลือกที่จะการันตีผลตอบแทนสูง เพื่อจูงใจผู้บริโภค หรือนักลงทุน ซึ่งอาจเป็นการการันตีผลตอบแทนที่สูงเกินไป

“การการันตีรายได้ 7-10% ถือเป็นตัวเลขค่อนข้างสูง แต่สุดท้ายตัวเลขที่สวยหรู ไม่เป็นจริง ขณะที่บริษัทไม่ได้ให้เยอะ โดยการันตีรายได้อยู่ที่ 5-6% อาจต่ำสุดที่สุดในตลาดอสังหาฯ แต่เป็นตัวเลขที่เป็นไปได้จริง โดยตัวเลขที่สวยหรูจะมาพร้อมกับความเสี่ยงเสมอ” นายชนินทร์ กล่าวและว่า

สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท จะเน้นลงทุนในทำเลที่มีศักยภาพ อย่าง ชลบุรี พัทยา กรุงเทพฯ ที่มีความแข็งแรง รวมทั้งมีการปรับปรุงพัฒนาโมเดลธุรกิจต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทำเล เลือกแบรนด์เข้ามาบริหาร การให้ผลตอบแทนต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาโฟกัสเรื่องของการท่องเที่ยว แต่มีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาโมเดลอื่น อาทิ โมเดลเวลเนส ,โมเดลรีไทร์เมนต์ ซึ่งเป็นโมเดลในอนาคตที่มีความเป็นไปได้ และสอดคล้องกับเทรนด์ในต่างๆประเทศ ที่มีเซ็กเมนต์ใหม่ๆเพิ่มขึ้น ไม่ได้เป็นโรงแรมอย่างเดียว

ปัจจุบันตลาดที่ลงทุนในอสังหาฯ เป็นตลาดที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการซื้อเพื่อลงทุน คาดว่า ในปีหน้าจะคึกคักมากขึ้นจากการเข้ามาทำตลาดของบริษัทอสังหาฯที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ต้องการเพิ่มรายได้ในแต่ละเซกเมนต์ แม้นักลงทุนต่างชาติจะยังไม่เข้ามา แต่ยังมีตลาดคนไทยที่มีกำลังซื้อรองรับ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนที่มองหาบ้านหลังที่สอง เพื่อสำรองไว้ในยามฉุกเฉิน

“ที่ผ่านมาบริษัทพยายามเปิดตัวโครงการปีละอย่างน้อย 1 โครงการ ส่วนการที่เราจะเติบโตต่อไปนั้น จะไม่เพิ่มสินค้าในแบบเดิมเพื่อลดความความเสี่ยง แต่จะเป็นการพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัย ในแนวราบแทนเพื่อกระจายความเสี่ยง ทั้งในฝั่งชลบุรี พัทยาและกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด ร่วมกับพันธมิตรที่เชี่ยวชาญด้านเวลเนสและรีไทร์เมนต์ ในกลุ่มโรงพยาบาลและธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มการเติบโตจากเซกเมนต์ใหม่ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่น่าสนใจ และตลาดเมืองไทยได้เปรียบ เพราะได้รับอานิสงส์จากการที่คุมโควิด-19ได้ดี”

นายชนินทร์ ยังกล่าวว่า ในปีนี้ผู้ประกอบการอสังหาฯจะเน้นการระบายสต็อกในการลดราคา โปรโมชั่น เพื่อถือเงินสดพร้อมกับเปลี่ยนการทำตลาดจากคอนโดมิเนียมมาเป็นแนวราบกันมากขึ้นส่วนในปีหน้าคาดว่าจะเปิดโครงการใหม่เยอะขึ้นกว่าปีนี้ และเป็นโครงการในรูปแบบใหม่ๆเพิ่มขึ้น เช่น เทรนด์การดีไซน์ที่รองรับเรื่องของโควิด-19 การขยายตัวของที่อยู่อาศัยนอกเมืองที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมคนซื้อต้องการพื้นที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการใช้ชีวิตในการทำงานและพักผ่อน ส่งผลให้บ้านขนาดเล็ก ทาวน์โฮมได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันถ้าเป็นคอนโดมิเนียมผู้บริโภคจะต้องการพื้นที่เพิ่มขึ้น