รัฐบาลเผย 'คนละครึ่ง' - 'ช็อปดีมีคืน' ดันเม็ดเงินลงเศรษฐกิจโค้งสุดท้ายปีนี้ 1.8 แสนล้านบาท

รัฐบาลเผย 'คนละครึ่ง' - 'ช็อปดีมีคืน' ดันเม็ดเงินลงเศรษฐกิจโค้งสุดท้ายปีนี้ 1.8 แสนล้านบาท

โฆษกรัฐบาลชี้2 มาตรการเศรษฐกิจ 'คนละครึ่ง' - 'ช็อปดีมีคืน' ช่วยดันเงินหมุนเวียนระบบเศรษฐกิจ1.8 แสนล้าน จากมาตรการคนละครึ่ง 6 หมื่นล้าน และช็อปดีมีคืน 1.2 แสนล้าน เผยยอดร้านค้าลงทะเบียนคนละครึ่งคึกคักจ่อทะลุ 6.5 แสนร้านค้า ใช้จ่ายแล้วกว่า 1.3หมื่นล้าน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ากระทรวงการคลังได้รายงานข้อมูลให้รัฐบาลทราบว่าโครงการกระตุ้นการบริโภคในไตรมาสที่ 4  ซึ่งได้รับเสียงตอบรับดี 2 โครงการคือโครงการคนละครึ่งและโครงการช็อปดีมีคืน โดยทั้งสองโครงการจะช่วยให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีประมาณ 1.8 แสนล้านบาท 
โดยโครงการคนละครึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจถึง 6 หมื่นล้านบาท และโครงการช็อปดีมีคืนมีเงินหมุนเวียนกว่า 1.2 แสนล้านบาท 
ทั้งนี้ในส่วนของโครงการคนละครึ่งจากเงินงบประมาณของรัฐบาล  3 หมื่นล้านบาท และเงินใช้จ่ายของประชาชน 3 หมื่นล้านบาท
โดยข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 12 พ.ย.มีการใช้จ่ายในโครงการนี้แล้วกว่า 1.34 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นเงินจากประชาชนประมาณ 6,800 ล้านบาท และเงินจากภาครัฐที่สมทบให้ประมาณ 6,600 ล้านบาท โดยยอดใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 208 บาทต่อคนต่อวัน 
 
ทั้งนี้ปัจจุบันโครงการนี้ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากประชาชนและร้านค้ารายย่อยซึ่งล่าสุดมีร้านค้าที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งแล้วเกือบ 648,371 ร้านค้า และคาดว่าจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากไม่ได้มีกำหนดปิดให้ร้านค้าลงทะเบียนซึ่งให้ร้านค้ารายย่อยมาลงทะเบียนเพิ่มโดยข้อมูลที่ได้รัฐบาลจะทำเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (บิ๊กดาต้า) เพื่อพัฒนาเป็นแอพพลิเคชั่นการค้าออนไลน์ในอนาคต 

สำหรับโครงการช็อปดีมีคืนที่ให้ประชาชนซื้อสินค้าและหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกินคนละ 30,000 บาท กระทรวงการคลังคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการประมาณ 4 ล้านคน และสร้างให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจประมาณ 1.2 แสนล้านบาท  

"การต่ออายุมาตรการคนละครึ่งออกไปกระทรวงการคลังได้รายงานแล้วว่าจะมีการพิจารณาการต่ออายุในเฟสที่ 2 ในช่วงต้นปี 2564  ซึ่งการต่ออายุมาตรการนี้ออกไปก็เป็นไปตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้นโยบายว่าหากมาตรการใดดีและประชาชนให้การตอบรับก็ให้พิจารณาขยายออกไปได้" นายอนุชา กล่าว