SEAFCO - ถือ

SEAFCO - ถือ

เผชิญปัจจัยลบจากปัญหาขาดแคลนแรงงานและภาวะอุตสาหกรรม

Event

ปรับประมาณการณ์กำไร ,คำแนะนำ และราคาเป้าหมาย

lmpact

กำไรงวด 3Q63 อ่อนตัว จากปัญหาขาดแคลนแรงงาน, สภาวะการแข่งขันที่สูง และความล่าช้าในการส่งมอบพื้นที่

กำไรของบริษัท งวด 3Q63 ปรับตัวลดลง YoY และ QoQ เนื่องจาก i)ความล่าช้าในการส่งมอบพื้นที่โครงการForestia และ Central Embassy (มูลค่าbacklog ประมาณ 1พันลบ.) ii) การแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างสูงทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นลดลง iii)ปัญหาขาดแคลนแรงงาน iv) มีการ
เคลื่อนย้ายเครื่องจักร โดยบริษัทคาดว่า จะเริ่มงานในโครงการ Forestia และ Central Embassy ใน 1Q64 และ 2H64 ตามลำดับ

ข้อจำกัดด้านแรงงาน และสภาวะการแข่งขันสูง เป็นปัจจัยลบที่สำคัญ

แรงงานของบริษัทปรับตัวลดลงกว่าครึ่ง เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการเกิดแพร่ระบาด COVID-19 (~400คน) แรงงานต่างด้าวไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยเนื่องจากมีความกังวลในการแผ่ระบาดระลอกที่สอง อย่างไรก็ตามบริษัทพยายามจัดการแรงงานต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทย ประมาณ 50 คน ซึ่งคาดว่า
จะได้รับการอนุมัติการกระทรวงแรงงานภายในเดือนนี้ นอกจากนั้นจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เรามองว่าการแข่งขันในอุตสาหกรรมจะยังคงสูงจนถึง 3Q64 และจะดีขึ้นหลังจากโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินเริ่มการก่อสร้าง และมีงานเสาเข็มและฐานรากใน 4Q64

ปรับประมาณการกำไร ปี 2563-2564 ลง 23.4 -49.0%

เราปรับประมาณการกำไร ปี 2563 - 2564 ลง 23.4% และ 49.0% จากการปรับลดลงของสมมติฐานรายได้ลง 8.3% ในปี 2563 และ 17.1% และปี 2564 เพื่อสะท้อน i) ปัญหาขาดแคลนแรงงาน ii) ความล่าช้าในการส่งมอบพื้นที่โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และ การประมูลโครงการ
รถไฟฟ้ าสายสีส้มตะวันตกที่ล่าช้า

Valuation & Action

เราปรับลดคำแนะนำจาก ซื้อ เป็น ถือ ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ที่ 4.0 บาท จากเดิม 7.8 บาท อิง PER 16.0 เท่า แม้ว่าเราว่าจะปรับลดคำแนะนำ เรายังมองว่าปัญหาแรงงานจะกระทบในระยะสั้นเท่านั้น โดยผลการดำเนินงาน 2H64 น่าจะกลับมาใกล้ปกติเนื่องจาก โครงการForestia และ Central Embassy น่าจะเริ่มงานได้ โดยเราวคาดว่าโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินจะสรรหาผู้รับเหมาเสาเข็มและฐานรากใน 4Q64 เราแนะนำให้นักลงทุน รอและติดตามประเด็นเรื่องแรงงาน

Risks

ความไม่สงบทางการเมือง ความล่าช้าของการก่อสร้างและการลงทุน