กทม.เปิดลงทะเบียนผู้มีสิทธิรับเงิน 'เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ' แล้ว

กทม.เปิดลงทะเบียนผู้มีสิทธิรับเงิน 'เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ' แล้ว

เตรียมเอกสารให้พร้อม! กทม.เปิดรับลงทะเบียนผู้สูงอายุล่วงหน้า เพื่อเตรียมรับ "เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ" ในปีงบประมาณ 2565 เป็นต้นไป

เมื่อวันที่ 12 ..63  พล...อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "ผู้ว่าฯ อัศวิน" โดยระบุว่า 50 เขต กทม. เปิดรับลงทะเบียนผู้สูงอายุล่วงหน้า พื่อเตรียมรับเบี้ยยังชีพในปีงบประมาณ 2565 เป็นต้นไป

ตั้งแต่เดือน ต.ค. - พ.ย.63 และเดือนมกราคม - กันยายน 2564 กทม.โดย 50 สำนักงานเขต ได้เปิดรับลงทะเบียนผู้สูงอายุรายใหม่ล่วงหน้า เพื่อที่จะได้รับ "เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ" ในปีงบประมาณ 2565 ทันทีโดยไม่เสียสิทธิ์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

คุณสมบัติ
  • ผู้สูงอายุที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ และยังไม่เคยลงทะเบียนมาก่อน
  • เป็นผู้ที่จะมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ในปีงบประมาณ 2565 (เกิดก่อน 2 กันยายน 2505)
  • ไม่เป็นผู้ที่ได้รับบำนาญ หรือสวัสดิการและสิทธิอื่นๆ ของหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่จัดให้ประจำ
เตรียมเอกสารพร้อมสำเนา เพื่อยื่นลงทะเบียน ดังนี้
  • บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐที่มีรูปถ่าย
  • สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
  • สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร ประเภทออมทรัพย์
  • หนังสือมอบอำนาจ (กรณีผู้สูงอายุไม่สะดวกดำเนินการด้วยตัวเอง)
สำหรับ "เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ" จะได้รับในอัตราดังนี้ครับ
  • อายุ 60 - 69 ปี รับเดือนละ 600 บาท
  • อายุ 70 - 79 ปี รับเดือนละ 700 บาท
  • อายุ 80 - 89 ปี รับเดือนละ 800 บาท
  • อายุ 90 ปีขึ้นไป รับเดือนละ 1,000 บาท
ขอให้ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจไปลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพ และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม 50 สำนักงานเขตครับ
160517159635

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย รัฐบาลโดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย เปิดรับลงทะเบียนผู้มีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ประจำปีงบประมาณ 2564 เพื่อรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ตั้งแต่เดือนตุลาคม – พฤศจิกายน 2563 และเดือนมกราคม – กันยายน 2564

สำหรับผู้สูงอายุรายใหม่ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนมาก่อน ซึ่งเป็นผู้สูงอายุที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์แล้ว และผู้สูงอายุที่จะมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ในปีงบประมาณ 2565 โดยนับอายุจนถึงวันที่ 1 กันยายน 2565 ต้องเป็นผู้ที่เกิดก่อนวันที่ 2 กันยายน 2505 เนื่องจากผู้สูงอายุที่เกิดตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2505 – 1 ตุลาคม 2505 เป็นผู้สูงอายุที่จะมีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในเดือนถัดไปจากเดือนที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ คือเดือนตุลาคม 2565 ซึ่งเป็นปีงบประมาณ 2566 ดังนั้น กลุ่มผู้สูงอายุผู้สูงอายุที่เกิดตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2505 – 1 ตุลาคม 2505 สามารถลงทะเบียนขอรับเงิน "เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ" ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ เป็นการสร้างหลักประกันด้านรายได้ให้แก่ผู้สูงอายุ ซึ่งในปีงบประมาณ .. 2564 รัฐบาลได้สนับสนุนงบประมาณโครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุ ให้กับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย รวมประมาณ 6.6 หมื่นล้านบาท เพื่อจ่ายเป็นเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุรวมทั้งสิ้น 8,296,573 คน โดยไม่รวมเทศบาลนครและเทศบาลเมือง จำนวน 214 แห่ง ที่เป็นหน่วยรับงบประมาณตรง

เอกสารหลักฐานประกอบแบบคำขอลงทะเบียนขอรับเงิน "เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ" ได้แก่

1) บัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐที่มีรูปถ่าย

2) ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน

3) สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร

กรณีขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุผ่านธนาคาร โดยวิธีใดวิธีหนึ่ง ดังนี้

1) รับเงินสดด้วยตนเอง

2) รับเงินสดโดยบุคคลที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้มีสิทธิ

3) โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารในนามผู้มีสิทธิ

และ 4) โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารในนามบุคคลที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้มีสิทธิ


ทั้งนี้ สามารถยื่นคำขอลงทะเบียนขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุด้วยตนเอง หรือมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้อื่นเป็นผู้ยื่นคำขอลงทะเบียนขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแทนได้