“ไมเนอร์ฯ”ลุ้นข่าวดีวัคซีน หนุนทัวริสต์เที่ยวไทย

“ไมเนอร์ฯ”ลุ้นข่าวดีวัคซีน  หนุนทัวริสต์เที่ยวไทย

“ไมเนอร์โฮเทลส์” หวังรัฐผ่อนคลายลดจำนวนวันกักตัวต่างชาติฟื้นท่องเที่ยวไทยทั้งซัพพลายเชน ลุ้นข่าวดีเรื่องวัคซีนต้านโควิดหนุนทัวริสต์กล้าเดินทางระหว่างประเทศ ประเดิมเที่ยวภายในภูมิภาค

นายไมเคิล มาร์แชล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดและการขาย ไมเนอร์โฮเทลส์ กล่าวว่า รัฐบาลควรผ่อนคลายลดจำนวนวันกักตัวชาวต่างชาติเพื่อฟื้นฟูภาคท่องเที่ยวไทยเนื่องจากในสถานการณ์ปกติก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19ไทยพึ่งพาตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติสูง และที่สำคัญจะส่งผลต่อธุรกิจขนาดเล็ก เช่น โรงแรมร้านอาหารและอื่นๆให้ฟื้นตัวดีขึ้นทั้งระบบเพราะบางพื้นที่ในเมืองท่องเที่ยว เช่น เกาะสมุยในวันธรรมดาและหาดป่าตองพบว่ายังค่อนข้างเงียบเหงา ถ้าปล่อยไปแบบนี้ทั้งซัพพลายเชนท่องเที่ยวจะอยู่กันไม่ไหว

อย่างไรก็ตามไมเนอร์โฮเทลส์ยังคงมองว่าแนวทางการเปิดประเทศต้องดำเนินแบบค่อยเป็นค่อยไปและอย่างปลอดภัย แม้ว่าช่วงนี้จะมีข่าวดีเรื่องวัคซีนแต่ก็ยังตอบได้ยากว่าภาคท่องเที่ยวจะฟื้นตัวเมื่อไร ต้องรอดูเรื่องความมั่นใจว่าจะใช้การวัคซีนได้เมื่อไร ส่วนแนวโน้มการเดินทางระหว่างประเทศช่วงแรกๆน่าจะเริ่มท่องเที่ยวภายในภูมิภาค เช่นภายในเอเชียด้วยกันก่อน ส่วนตลาดระยะไกลอย่างยุโรปจำเป็นต้องอาศัยดีมานด์จากกลุ่มกำลังซื้อสูง

นายไมเคิล กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมธุรกิจของไมเนอร์โฮเทลส์ขณะนี้กลับมาเปิดให้บริการแล้วมากกว่า90%ของจำนวนโรงแรมในเครือที่มีอยู่ทั้งหมด534แห่งทั่วโลก โดยโรงแรมในแต่ละประเทศของไมเนอร์ฯจำเป็นต้องปรับตัวมุ่งเจาะตลาดในประเทศ อย่างโรงแรมในเวียดนามและจีนมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นหลังได้อานิสงส์การเดินทางของนักท่องเที่ยวในประเทศ

ส่วนโรงแรมของไมเนอร์ฯในประเทศไทย ตอนนี้ภาพรวมธุรกิจที่เกิดขึ้นยังกลับมาไม่ถึง 50% เนื่องจากในปี 2562 มีลูกค้าชาวต่างชาติมากถึง90% ส่วนคนไทยอยู่ที่10% ยกเว้นโรงแรมบางแห่งที่โครงสร้างลูกค้าแตกต่างจากภาพรวม เช่น โรงแรมที่หัวหินมีลูกค้าชาวไทย 50% จึงฟื้นตัวเร็วหลังคลายล็อกดาวน์ ส่วนโรงแรมที่ขอนแก่นมีลูกค้าคนไทยมากถึง99%นิยมจัดงานแต่งงานและงานประชุมสัมมนาเนื่องจากมีฐานลูกค้าเป็นหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการศึกษาจำนวนมากในพื้นที่

“แน่นอนว่าธุรกิจโรงแรมยังต้องเอาตัวรอดด้วยการดิ้นรนทำตลาดในประเทศช่วงโควิดยังระบาดทั่วโลก ด้วยการจัดโปรโมชั่นและแพ็คเกจพิเศษสำหรับคนไทยซึ่งมีความต้องการท่องเที่ยวอันหลากหลาย เช่น กลุ่มครอบครัวกลุ่มที่ต้องการเข้าพักแบบ Staycation ไปถึงกลุ่มรักสุขภาพ โดยมีนักท่องเที่ยวไทยใช้สิทธิ์ส่วนลดค่าห้องพักจากโครงการเราเที่ยวด้วยกันที่รัฐช่วยจ่าย40% คิดเป็นสัดส่วน24%ของการจองห้องพัก ส่วนชาวต่างชาติที่อาศัยในไทยสามารถใช้สิทธิ์ส่วนลดExpat Travel Bonus”

ล่าสุดไมเนอร์ฯได้เปิดตัวแคมเปญแชะแชร์ชิลล์สนับสนุนโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อกระตุ้นคนไทยและชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศออกไปเที่ยวเมืองไทยผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถแชร์รูปภาพจากที่ใดก็ได้ในเมืองไทยผ่านแพลตฟอร์มอินสตาแกรมร่วมชิงรางวัลที่พักในเครืออนันตราและเครืออวานีทุกสัปดาห์จนถึงวันที่31ธ.ค.นี้ เนื่องจากคนไทยเป็นตลาดที่นิยมใช้โซเชียลมีเดียสูงติดอันดับโลก

นอกจากนี้ไมเนอร์ฯ ยังรุกเจาะตลาดสุขภาพ(Wellness)ที่มีการเติบโตดี6.4% ต่อปี มีมูลค่าการตลาดประมาณ6.4แสนล้านดอลลาร์สหรัฐโดยแต่ละโครงการมีหุ้นส่วนเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพที่มีชื่อเสียงระดับโลกตอบรับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการแตกต่างกันไป ไม่เป็นการแข่งขันกันเอง เช่น วิวิด บาย เวอริตา เฮลธ์ บาร์วิตามินเพื่อสุขภาพที่โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ โดยร่วมกับเวอริตา ผู้นำในการให้บริการด้านการดูแลสุขภาพจากประเทศสิงคโปร์, Clinique La Prairie Aesthetics & Medical Spa ที่โรงแรมเดอะเซ็นต์รีจิสกรุงเทพฯ เป็นแห่งแรกที่เปิดนอกประเทศสวิตเซอร์แลนด์โดยในส่วนสปาคาดว่าจะเปิดให้เดือนธ.ค.นี้, เวอริตา เฮลธ์ จะตั้งอยู่ที่อนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ คาดว่าจะเปิดในไตรมาสที่3 ปี 2564