กูเกิลคาดปี 2568 เศรษฐกิจดิจิทัลไทยมูลค่าแตะ 5.3 หมื่นล้านดอลล์

กูเกิลคาดปี 2568 เศรษฐกิจดิจิทัลไทยมูลค่าแตะ 5.3 หมื่นล้านดอลล์

ผู้บริโภคบนแพลตฟอร์มดิจิทัลในไทยเติบโตก้าวกระโดด 30% คือผู้ใช้รายใหม่ และ 95% ของผู้ใช้รายใหม่ตั้งใจที่จะใช้ต่อไปหลังไม่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

Google, Temasek และ Bain & Company เผยรายงานการวิจัยติดตามการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประจำปี 2563 (e-Conomy SEA 2020) ว่า ปี 2563 เศรษฐกิจดิจิทัลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีมูลค่าทะลุ 1 แสนล้านดอลลาร์

โดยมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตรายใหม่เพิ่มขึ้น 40 ล้านคนจากปี 2562 ทำให้ปัจจุบันทั่วทั้งภูมิภาคนี้มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งสิ้น 400 ล้านคน และจากรายงานได้คาดการณ์ว่ามูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะสามารถเติบโตทะลุ 3 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2568 

สำหรับประเทศไทยยังคงเกาะกระแสการเติบโตโดยคาดว่ามูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลจะแตะที่ 5.3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือเติบโตขึ้นประมาณ 25% ในปี 2568 

นางแจ็คกี้ หวาง ผู้อำนวยการ กูเกิล ประจำประเทศไทย กล่าวว่า แม้ว่าสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจในปีนี้จะเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ผลการวิจัยระบุว่าเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยเติบโตขึ้น 7% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยจะมีมูลค่า 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 นับเป็นตลาดที่มีเศรษฐกิจดิจิทัลใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาครองจากอินโดนีเซีย 

ทั้งนี้ ได้มีการวิจัยติดตามการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใน  7 ภาคส่วน และได้ระบุอัตราการเติบโตในประเทศไทยดังต่อไปนี้ 

  • อีคอมเมิร์ซ ในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุด กล่าวคือ อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 81% จากปีที่ผ่านมา มีมูลค่าแตะ 9 พันล้านดอลลาร์ในปี 2563 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2568 แม้วิกฤติโควิดจะส่งผลกระทบแต่การขยายตัวของอีคอมเมิร์ซได้ช่วยชดเชยการชะลอตัวของการท่องเที่ยวและการขนส่งออนไลน์
  • สื่อออนไลน์ (โฆษณา เกม บริการวิดีโอออนดีมานด์ และบริการเพลงออนดีมานด์) ในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเติบโตขึ้น 20% จากปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ และทะลุ 7 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2568  

ที่น่าสนใจพบว่า คนไทยใช้เวลาออนไลน์ 3.7 ชั่วโมง (ใช้งานส่วนตัว) ในช่วงก่อนโควิด และพุ่งขึ้นถึง 4.6 ชั่วโมงในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ และปัจจุบันคงที่อยู่ที่ 4.3 ชั่วโมงต่อวัน 

ผู้ใช้จาก 8 ใน 10 ราย เห็นว่าเทคโนโลยีมีประโยชน์อย่างมากในช่วงโควิด-19 จึงทำให้เทคโนโลยีกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันของผู้คนอีกต่อไป 

นอกจากนี้ ในรายงานฯ ยังระบุว่าช่วงล็อกดาวน์มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของผู้บริโภคบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ที่ผู้ใช้จํานวนมากเริ่มลองใช้บริการดิจิทัลใหม่ๆ โดย 30% ของผู้ใช้บริการดิจิทัลทั้งหมดคือผู้ใช้รายใหม่ และ 95% ของพวกเขาเหล่านี้ตั้งใจที่จะใช้ต่อไปหลังช่วงระบาด

  • การขนส่งและบริการส่งอาหารออนไลน์ ในประเทศไทยมีมูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2563 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีลดลง 12% แม้ว่าจะมีการเติบโตของบริการส่งอาหารออนไลน์ ทั้งนี้ คาดว่าจะมีมูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเติบโตขึ้น 45% ในปี 2568
  • การท่องเที่ยวออนไลน์ (ธุรกิจจองโรงแรม ที่พัก และเที่ยวบิน) ในประเทศไทย ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีมูลค่าตลาด (Gross Bookings Value) ในปี 2563 อยู่ที่ 4 พันล้านดอลลาร์ฐ โดยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีลดลง 47% และคาดว่าจะมีมูลค่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ภายในปี 2568

ข้อมูลอัปเดตในส่วนของ บริการทางการเงินดิจิทัล (การชำระเงิน การโอนเงิน การให้กู้ยืม ประกันภัย และการลงทุน) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระบุว่าผู้บริโภคและธุรกิจเอสเอ็มอีได้หันมาใช้บริการทางการเงินดิจิทัลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นอกเหนือจากบริการให้กู้ยืมแล้ว มูลค่าธุรกรรมรวมการชำระเงินดิจิทัล (GTV) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี 2563 อยู่ที่ 620 ล้านดอลลาร์สูงขึ้น จากปีที่แล้ว 20 ล้านดอลลาร์  และคาดว่าจะมีมูลค่ารวมที่ 1.2 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2568 

ขณะที่ อีก 2 ภาคส่วนใหม่ที่ได้ทำการวิจัยขึ้นในปีนี้ ที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงการระบาดของโควิด-19 ได้แก่ เทคโนโลยีด้านสุขภาพ (HealthTech) และ เทคโนโลยีด้านการศึกษา (EdTech)