"กลยุทธ์การลงทุน"รายสัปดาห์

"กลยุทธ์การลงทุน"รายสัปดาห์

9-13 พฤศจิกายน: ชะลอความร้อนแรง ภาพใหญ่น่าจะไซด์เวย์

สรุปภาวะตลาด และมุมมองตลาดสัปดาห์นี้:

ในสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนี SET วิ่งแรงเกินคาด เพราะตลาดหุ้นโลก โดยเฉพาะ EM ในเอเซีย ตอบรับเชิงบวกกับกระแสข่าวว่า Joe Biden มีโอกาสสูงที่จะชนะเลือกตั้ง โดยที่เสียงในสภา congress จะแบ่งเป็นสองซีกอย่างชัดเจน ซึ่งจากสถิติในระยะยาว การที่ตัวแทนจากพรรค Democrats ได้เป็นประธานาธิบดี
โดยที่เสียงในสภาแบ่งออกเป็นสองฟากนับเป็นหนึ่งใน scenario ที่ดีที่สุดสำหรับตลาดหุ้น ซึ่งจากผลการเลือกตั้งสหรัฐรอบนี้ นักลงทุนมองว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ-จีนดีขึ้น ในขณะที่นโยบายด้านภาษีของ Biden อาจจะถูกต้านโดยวุฒิสภาซึ่งพรรค Republican คุมเสียงส่วนใหญ่เอาไว้ ทั้งนี้ หุ้น global cyclical เป็นกลุ่มที่นำตลาดขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนในสัปดาห์นี้ (9-13 พฤศจิกายน) เราคาดว่า ตลาดหุ้นไทยจะพักฐานเพราะสองเหตุผลด้วยกัน ข้อแรก ตลาดการเงินโลกสะท้อนชัยชนะของ Biden ไปแล้วตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่ล่าสุด Donald Trump ยังยืนยันจะยื่นฟ้ องคัดค้านชัยชนะของ Biden ข้อสอง สถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ทั่วโลกยังคงน่าเป็นห่วงมาก โดยยอดผู้ติดเชื้อรายวันยังคงเร่งตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นำโดยสหรัฐและยุโรป ในขณะที่การพัฒนาวัคซีนยังไม่มีพัฒนาการอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับปัจจัยภายในประเทศ การชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลเมื่อเย็นวานมีการเผชิญหน้ากับตำรวจเล็กน้อย แต่ไม่เกิดความรุนแรงอย่างมีนัยสำคัญอย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเราจะมองบวกน้อยลงกับแนวโน้มตลาดในสัปดาห์นี้ แต่เรายังคงมองว่าตลาดจะฟื้นตัวต่อเนื่องได้ในช่วงที่เหลือของ 4Q63 จากความเป็นไปได้ที่จะมีการอนุมัติวัคซีนป้ องกัน COVID-19 ในเดือนธันวาคม และผลการเลือกตั้งสหรัฐที่เป็นบวกกับตลาดหุ้น

ธีมการลงทุน ปัจจัย และกระแสข่าวสำคัญที่จะมีผลกับตลาดในสัปดาห์นี้:

(0) ราคาหุ้นสะท้อนชัยชนะของ Biden ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังต้องจับตาท่าทีของ Trump ต่อไป ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าที่ประธานาธิบดี Joe Biden ชนะการเลือกตั้งเพิ่มในสองสามรัฐ ส่งผลให้คะแนน electoral vote ของเขาทะลุเกณฑ์ขั้นต่ำที่ 270 ไปแล้ว ทั้งนี้ แม้ว่าภาพจะค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า
Biden จะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนต่อไป และมีความเป็นไปได้สูงที่สภา congress จะแบ่งเป็นสองซีกอย่างชัดเจน แต่ราคาหุ้นก็สะท้อน scenario นี้ไปแล้วตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน ในขณะเดียวกัน นักลงทุนก็ควรจะจับตาดูท่าทีของ Donald Trump ซึ่งยังคงปฏิเสธที่จะยอมรับชัยชนะของ Biden และมี
แผนจะยื่นฟ้องเพื่อคัดค้านชัยชนะของพรรค Democrats

(-) สถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ทั่วโลกเร่งตัวขึ้นอย่างมาก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ยอดผู้ติดเชื้อรายวันทั่วโลกทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 600,000 ราย นำโดยยอดผู้ติดเชื้อที่เร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในสหรัฐและยุโรป ทั้งนี้ เมื่อย่างเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว สถานการณ์ COVID-19 มีแนวโน้มจะเลวร้ายลงก่อนที่จะดีขึ้น ในขณะที่เราคาดว่าน่าจะเห็นความคืบหน้าของการทดสอบวัคซีนได้ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนเป็นอย่างเร็ว ดังนั้น เราจึงมองว่าหลังจากที่ความตื่นเต้นเรื่องผลการเลือกตั้งสหรัฐจางลงแล้ว ก็ยังมีโอกาสที่ประเด็น COVID-19 จะยังคงถ่วงตลาดหุ้นโลก และตลาดน้ำมันดิบต่อไป

หุ้นที่ทำธุรกิจในประเทศ และหุ้นในธีมผลประกอบการ 3Q63 ยังคงเป็นกลุ่มที่น่าลงทุน

เนื่องจากเรามองว่าตลาดจะพักตัวในระยะสั้น โดยหุ้น global cyclical อาจจะทรงตัวหลังจากที่วิ่งมาแรงก่อนหน้านี้ เราจึงแนะนำให้นักลงทุนเน้นไปที่หุ้นที่ทำธุรกิจในประเทศ และหุ้นที่ผลประกอบการ 3Q63 แข็งแกร่ง สำหรับหุ้นในกลุ่มธนาคาร เราคาดว่าผลการทำ stress test ที่ออกมาเป็นบวกจะช่วยหนุนราคาหุ้น โดยเราชอบ BBL* และ TISCO* ส่วนกลุ่มการพาณิชย์ เราคิดว่าคำตัดสินที่ออกมาเมื่อวันศุกร์ว่าการที่ CP Group เข้าไปซื้อ Tesco ไม่ได้ขัดกับกฎหมายป้ องกันการผูกขาดธุรกิจ บวกกับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคน่าจะช่วยหนุนหุ้น laggard อย่าง CPALL* และ HMPRO* และท้ายสุด เราก็ยังชอบหุ้น mid-cap ที่ผลประกอบการดีใน 3Q63 และยังมีแนวโน้มแข็งแกร่งต่อเนื่องใน 4Q63 อย่างเช่น EPG*, PTG* และ RS*