วิเคราะห์ “เพอร์ร่า วิตามิน วอเตอร์” ออกศึกชิงชัย "น้ำดิ่มผสมวิตามิน"

ในวันที่สนามรบธุรกิจ “น้ำดื่มผสมวิตามิน” มีคู่แข่งมากหน้าหลายตา ทั้งแบรนด์ยักษ์ใหญ่-เล็ก ผู้เล่นหน้าใหม่และหน้าเก่า กระโจนเข้ามาแบ่งเค้กตลาดที่มีมูลค่า 1,500 ล้านบาท( ข้อมูล ม.ค.-ก.ย.63) แต่การเติบโตที่สูงถึง 110% เป็นตัวเลขที่สะท้อนศักยภาพและ “ดึงดูด” แบรนด์ต่างๆอย่างมาก

หากพูดถึงแบรนด์ใหม่ล่าสุด ที่เข้ามาสู่ตลาดน้ำดื่มวิตามิน ต้องยกให้ “เพอร์ร่า วิตามิน วอเตอร์” จากอาณาจักรเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย อย่าง “บุญรอดบริวเวอรี่” นั่นเอง โดย กรุงเทพธุรกิจ มีโอกาสได้พูดคุยกับ 2 ผู้บริหารคนสำคัญ ถึงการบุกตลาดในครั้งนี้  

การออกสินค้าใหม่หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย สวนทางกับผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อย ที่อยู่ในสภาวะแตะเบรก   ภูริต   ภิรมย์ภักดี   ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ให้เหตุผลว่า หากคิดดี ทำดี และแบรนด์สามารถหาสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ย่อมเป็นโอกาสที่ดี และหากมองเทรนด์ตลาดการบริโภค “วิตามิน” เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการอยู่แล้ว เพื่อช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เป็นกุญแจสำคัญหนึ่งในการดูแลสุขภาพ 

ภูริต   ภิรมย์ภักดี

ส่วนการเลือกแบรนด์ “เพอร์ร่า” มาเป็นต่อยอดสินค้าใหม่ภายใต้ “เพอร์ร่า วิตามิน วอเตอร์” คงปฏิเสธไม่ได้ว่าจุดแข็งหนึ่งของ “เพอร์ร่า” เป็นแบรนด์ที่สะท้อนถึงภาพลักษณ์ “สุขภาพ” จากการเป็นผู้ทำตลาด “น้ำแร่” มานานถึง 8 ปี จึงเหมาะสมกับการปลุกปั้นและลงชิงชัยในตลาดน้ำดื่มผสมวิตามิน

แล้ว “เพอร์ร่า วิตามิน วอเตอร์” ออกตัวช้าไปหรือไม่? เพราะนาทีนี้คู่แข่งจับจองพื้นที่ในตู้แช่ให้พรึ่บ!! ภูริต ให้มุมมองว่า ไอเดีย ตลอดจนการวิจัยและพัฒนาสินค้ามีอยู่ในลิสต์ระยะหนึ่งแล้ว ขณะที่การออกสตาร์ทก่อน ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นผู้ชนะเสมอไป เพราะในอดีต “สิงห์” เคยออกเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลดริ้งค์ทำตลาดเป็นรายแรก แต่จังหวะตลาดที่ไม่ใช่ พฤติกรรม ความต้องการของผู้บริโภคยังไม่ตอบรับเท่าที่ควร ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ยุติการทำตลาด “บีอิ้ง”  

“ออกสินค้าทำตลาดเจ้าแรก อาจไม่ได้ดีที่สุด” ที่สำคัญในการทำธุรกิจ ออกสินค้าใหม่ จะต้องดูการยืนระยะในการทำตลาดแต่ของละรายด้วยว่าจะอยู่สั้นๆ หรือยาวๆ ซึ่งตลาดน้ำดื่มผสมวิตามินที่มีผู้เล่น 7-8 ราย ฉากจบอาจเห็นเหลืออยู่ในตู้แช่ 2-3 รายก็เป็นได้ เพราะต้องยอมรับว่า “สายป่าน” มีผลไม่น้อย รวมถึงสินค้าสามารถจัดจำหน่ายกระจายถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากน้อยเพียงใด

เพราะเป็นน้ำดื่มผสมวิตามิน ทำให้หนึ่งใน “จุดแข็ง” ที่หลากแบรนด์รวมถึง “เพอร์ร่า วิตามิน วอเตอร์” งัดมาต่อกรกกันคือ “วิตามิน” โดยเพอร์ร่า ไม่เพียงมีวิตามินซี บี และแร่ธาตุ วัตถุดิบดังกล่าวยังนำเข้าจาก “เยอรมัน” ด้วย ซึ่งหากพิจารณามาตรฐานแล้วคงไม่มีใครกังขาถึงคุณภาพฉบับเมืองเบียร์แน่นอน 

เมื่อ เพอร์ร่า วิตามิน วอเตอร์ ชักธงรบในตลาดน้ำดื่มผสมวิตามินแล้ว อีกเหตุผลของการเข้ามา   ธิติพร   ธรรมาภิมุขกุล   หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มการตลาดแบรนด์ บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ให้เหตุผลว่าหากพิจารณากลุ่มเป้าหมายของผู้บริโภคที่ดื่มน้ำแน่และน้ำดื่มผสมวิตามิน เป็น “กลุ่มเดียวกัน” หากปล่อยให้เครื่องดื่มหมวดใหม่มาแรง “แย่ง” สัดส่วนตลาดไปเรื่อยๆคงไม่เป็นผลดีแน่ 

ธิติพร   ธรรมาภิมุขกุล  -  ภูริต   ภิรมย์ภักดี

หากวิเคราะห์เหตุผลดังกล่าว จึงทำให้เห็นภาพของเกมการแข่งขันบิ๊กแบรนด์ที่ต้องออกโรง “ป้องกัน”(Defend) เค้กตลาด "น้ำแร่" มูลค่า 4,000 ล้านบาท ไม่ให้ลดขนาดเล็กลง อีกส่วนคือการต่อกร(Attack)ในตลาดที่มีศักยภาพอย่าง "น้ำดื่มผสมวิตามิน" กำลังเติบโตเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงสร้างส่วนแบ่งทางการตลาดนั่นเอง เพราะไม่ว่าจะทำตลาดไหน หาก "เพอร์ร่า" หรือ "เพอร์ร่า วิตามิน วอเตอร์" มีส่วนแบ่ง ก็ยังอยู่ภายใต้ร่มเงาของบริษัทอยู่ดี กินสัดส่วนตลาดด้วยแบรนด์ตัวเอง(Cannibalize) ย่อมดีกว่าสูญเสียให้คู่แข่ง

เพอร์ร่า เป็นแบรนด์น้ำแร่ที่ทำตลาดมาเป็นเวลา 8 ปี และเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะสามารถไต่อันดับจากแบรนด์น้องใหม่ จนก้าวขึ้นเป็น “ผู้นำตลาด” ได้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นความแข็งแกร่งของแบรนด์ จึงต่อยอดสู่ตลาดน้ำดื่มผสมวิตามินได้อย่างดี หากเทียบกับการปลุกปั้นแบรนด์ใหม่ กว่าจะทำตลาด สื่อสารกับผู้บริโภคจนสร้างการรับรู้แบรนด์(Brand Awareness)ย่อมกินเวลานานกว่าแน่นอน 

“แบรนด์ที่มีอยู่แล้ว คือสินทรัพย์(Asset)ของเรา” แบรนด์ดี สินค้าต้องเด่น จึงเติมวิตามิน แร่ธาตุเข้าไปให้ครบครันและ “มากกว่า” คู่แข่ง เพื่อสร้างความ “แตกต่าง” จากสินค้าในตู้แช่

ส่วนราคาขาย 17 บาท กับขนาด 500 มิลลิลิตร(มล.) เพราะดีดลูกคิดรางแก้วถึงต้นทุน เทียบราคาคู่แข่ง และราคาที่ผู้บริโภครับได้ จึงลงตัวที่ Magic Number เลขนี้ 

อย่างไรก็ตาม เครื่องดื่มที่สิ่งที่ต้องบริโภคเข้าปาก “รสชาติ” จึงสำคัญมาก โดยเพอร์ร่า วิตามิน วอเตอร์ ที่เต็มไปด้วยวิตามินจำนวนมาก ทำให้มี “กลิ่น” คล้าย “ยา” ซึ่งเป็น “สูตร” ที่ต้องหาวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างสมดุล “ความอร่อย” และ “คุณประโยชน์ต่อร่างกายผู้บริโภค พร้อมหยิบยกสำนวนไทย “หวานเป็นลมขมเป็นยา” มาให้เห็นภาพด้วย

“เราจะไม่ยอมลดปริมาณวิตามิน แร่ธาตุ ปริมาณทุกอย่างต้องตรงตามที่เราระบุไว้ในฉลาก”