รีบเช็คด่วน! โครงการประกันราคายางพารา โอนงวดแรก-ราคากลาง ครม. อนุมัติงบหมื่นล้าน

รีบเช็คด่วน! โครงการประกันราคายางพารา โอนงวดแรก-ราคากลาง ครม. อนุมัติงบหมื่นล้าน

อัพเดท รีบเช็คด่วน! โครงการประกันราคายางพารา โอนงวดแรก-ราคากลาง หลัง ครม. อนุมัติงบหมื่นล้านแล้ว

ความสนใจของเกษตรกร (4 พ.ย. 2563) หลัง คณะรัฐมนตรี หรือ ครม. มีมติเห็นชอบ โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะ 2 นั้น

ความคืบหน้า นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ชี้แจง โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะ 2 ช่วยเหลือเพิ่มรายได้และสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ลดผลกระทบที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของเกษตรกร เช่น ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) การขาดแรงงานกรีดยาง และผลจากสภาพอากาศแปรปรวนทำให้ผลผลิตไม่ได้ตามเป้า รายละเอียดดังนี้

รีบเช็คด่วน! โครงการประกันราคายางพารา โอนงวดแรก-ราคากลาง ครม. อนุมัติงบหมื่นล้าน

1. การประกันรายได้ให้เกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนและแจ้งข้อมูลพื้นที่ปลูกยางกับ กยท. ภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 จำนวน 1,834,087 ราย คิดเป็นพื้นที่จำนวน 18,286,186.03 ไร่ สวนยางอายุ 7 ปีขึ้นไปที่เปิดกรีดแล้ว รายละไม่เกิน 25 ไร่ ระยะเวลาประกันรายได้ 6 เดือน (ตุลาคม 2563 – มีนาคม 2564) แบ่งจ่ายเป็น 6 งวด เริ่มจ่ายเงินเข้าบัญชีชาวสวนยางงวดแรกเดือนพฤศจิกายน 2563

2. การกำหนดปริมาณผลผลิตยางที่จะประกันรายได้ แบ่งออกเป็น ผลผลิตยางแห้ง (DRC 100%) จำนวน 20 กก./ไร่ และผลผลิตยางก้อนถ้วย (DRC 50%) จำนวน 40 กก./ไร่ แบ่งสัดส่วนรายได้ เจ้าของสวน ร้อยละ 60 และคนกรีดยาง ร้อยละ 40 (60:40) ราคายางที่ประกันรายได้แบ่งตามประเภท ดังนี้ ยางแผ่นดิบคุณภาพดี 60 บาท/กก. น้ำยางสด (DRC100%) 57 บาท/กก. ยางก้อนถ้วย (DRC100%) 23 บาท/กก. ใช้วงเงินงบประมาณรวม 10,042 ล้านบาท

โครงการประกันรายได้ชาวสวนยาง ระยะ 2 เป็นมาตรการที่ภาครัฐบาลมุ่งมั่นช่วยเหลือชาวสวนยางอย่างเต็มที่ หนุนให้เกษตรกรมีรายได้แน่นอน แม้อยู่ในช่วงสถานการณ์ราคายางผันผวน อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นเสถียรภาพราคายางอีกทางหนึ่งด้วย

สำหรับ ราคากลาง ( วันที่ 3 พ.ย. ) เปิดตลาดยางแผ่นดิบอยู่ที่ 68.26 บาท/กก. ยางแผ่นรมควันอยู่ที่ 70.32 บาท/กก. ส่วนราคาประมูลเฉลี่ย ณ ตลาดกลางยางพาราฯ ราคายางแผ่นดิบอยู่ที่ 67.96 บาท/กก. ราคายางแผ่นรมควันอยู่ที่ 68.35 บาท/กก. ราคายางได้รับ ปัจจัยกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า เมื่อเทียบกับดอลลาร์ สหรัฐรวมถึงตลาดล่วงหน้าต่างประเทศปรับตัวลดลงอย่าง ต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม จากค่าเงินเยนที่อ่อนค่า เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและทางภาคใต้ของไทยมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง เป็นอุปสรรคต่อการกรีดยางประกอบกับปริมาณยางที่ออกสู่ ตลาดลดลงรวมถึงผู้ประกอบการภายในประเทศยังคงมีความ ต้องการยางในการส่งมอบ ยังคงเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุน ราคายางได้ในระยะนี้ นักลงทุนยังคงต้องติดตามเศรษฐกิจโลก อย่างใกล้ชิด