กยท. เคาะจ่าย" ประกันรายได้ยางระยะ 2 " เดือนนี้ กว่า 1 หมื่นล้านบาท 1.8 ล้านราย

กยท. เคาะจ่าย" ประกันรายได้ยางระยะ 2 "  เดือนนี้ กว่า 1 หมื่นล้านบาท 1.8 ล้านราย

กยท. ต่อยก 2 โครงการประกันรายได้เกษตรกรสวนยาง เคาะจ่ายเบ็ดเสร็จ 1.8 ล้านราย งบประมาณ 10,042 ล้านบาท ระยะเวลา 6 เดือน พร้อมจ่ายเงินเข้าบัญชีชาวสวนยางเดือนนี้แน่นอน

นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะ 2 เพื่อช่วยเหลือเพิ่มรายได้และสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ลดผลกระทบที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของเกษตรกร เช่น ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) การขาดแรงงานกรีดยาง และผลจากสภาพอากาศแปรปรวนทำให้ผลผลิตไม่ได้ตามเป้า 

  160440178914

โดยประกันรายได้ให้เกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนและแจ้งข้อมูลพื้นที่ปลูกยางกับ กยท. ภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 จำนวน 1,834,087 ราย คิดเป็นพื้นที่จำนวน 18,286,186.03 ไร่ สวนยางอายุ 7 ปีขึ้นไปที่เปิดกรีดแล้ว รายละไม่เกิน 25 ไร่ ระยะเวลาประกันรายได้ เดือน (ตุลาคม 2563 – มีนาคม 2564) แบ่งจ่ายเป็น งวด เริ่มจ่ายเงินเข้าบัญชีชาวสวนยางงวดแรกเดือน พฤศจิกายน 2563

การกำหนดปริมาณผลผลิตยางที่จะประกันรายได้แบ่งออกเป็น ผลผลิตยางแห้ง (DRC 100%) จำนวน 20 กก./ไร่  และผลผลิตยางก้อนถ้วย (DRC 50%) จำนวน 40 กก./ไร่ แบ่งสัดส่วนรายได้ เจ้าของสวน ร้อยละ 60 และคนกรีดยาง ร้อยละ 40 (60:40) ราคายางที่ประกันรายได้แบ่งตามประเภท ดังนี้ ยางแผ่นดิบคุณภาพดี 60 บาท/กก. น้ำยางสด (DRC100%) 57 บาท/กก. ยางก้อนถ้วย (DRC100%) 23 บาท/กก. ใช้วงเงินงบประมาณรวม 10,042 ล้านบาท

            โครงการประกันรายได้ชาวสวนยาง ระยะ เป็นมาตรการที่ภาครัฐบาลมุ่งมั่นช่วยเหลือชาวสวนยางอย่างเต็มที่ หนุนให้เกษตรกรมีรายได้แน่นอน แม้อยู่ในช่วงสถานการณ์ราคายางผันผวน อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นเสถียรภาพราคายางอีกทางหนึ่งด้วย 

สำหรับ ราคากลาง( วันที่ 3 พ.ย. )เปิดตลาดยางแผ่นดิบอยู่ที่ 68.26 บาท/กก. ยางแผ่นรมควันอยู่ที่ 70.32 บาท/กก. ส่วนราคาประมูลเฉลี่ย ณ ตลาดกลางยางพาราฯ ราคายางแผ่นดิบอยู่ที่ 67.96 บาท/กก. ราคายางแผ่นรมควันอยู่ที่ 68.35 บาท/กก. ราคายางได้รับ ปัจจัยกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า เมื่อเทียบกับดอลลาร์ สหรัฐรวมถึงตลาดล่วงหน้าต่างประเทศปรับตัวลดลงอย่าง ต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม จากค่าเงินเยนที่อ่อนค่า เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและทางภาคใต้ของไทยมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง เป็นอุปสรรคต่อการกรีดยางประกอบกับปริมาณยางที่ออกสู่ ตลาดลดลงรวมถึงผู้ประกอบการภายในประเทศยังคงมีความ ต้องการยางในการส่งมอบ ยังคงเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุน ราคายางได้ในระยะนี้ นักลงทุนยังคงต้องติดตามเศรษฐกิจโลก อย่างใกล้ชิด