SCC - ถือ

SCC - ถือ

ผลประกอบการ 3Q63: ดีกว่าที่เราคาดไว้ 12%

Event

ผลประกอบการ 3Q63 ปรับประมาณการปี 2563-64 และปรับเพิ่มราคาเป้ าหมาย

lmpact

ผลประกอบการ 3Q63 ดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ

กำไรสุทธิของ SCC ใน 3Q63 อยู่ที่ 9.7 พันล้านบาท (+57.0% YoY, +3.8% QoQ) ดีกว่าประมาณการของเรา 11.6% แต่เป็นไปตาม Bloomberg consensus เนื่องจากส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจอื่น ๆ (ยานยนต์ เกษตรกรรม ฯลฯ) ดีเกินคาด และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยต่ำเกินคาด ทั้งนี้ กำไรสุทธิในงวด 9M63 คิดเป็น 79.4% ของประมาณการกำไรปีนี้หลังปรับขึ้น กำไรที่เพิ่มขึ้น YoY เป็นเพราะไม่มีการกลับรายการ DTA (1.1 พันล้านบาท) และผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ลดลง (500 ล้านบาทใน 3Q63 จาก 1.7 พันล้านบาทใน 3Q62 และ 700 ล้านบาทใน 2Q63) ในขณะที่กำไรที่เพิ่มขึ้น QoQ เป็นเพราะ spread เคมีภัณฑ์ดีขึ้น หากรวมรายการพิเศษ (ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ และ ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์) กำไรจากธุรกิจหลักจะอยู่ที่ 1.03 หมื่นล้านบาท (+28.4% YoY, +9.4% QoQ)

ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ

i) กำไรจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ (58.3% ของกำไรใน 3Q63) เพิ่มขึ้น 69% YoY และ 20% QoQ เนื่องจาก i) กำไรจากสต็อกเพิ่ขึ้น (เป็น 800 ล้านบาท จาก 150 ล้านบาทใน 3Q62 และขาดทุนจากสต็อก 600 ล้านบาทใน 2Q63) และ ii) spread ของ HDPE เพิ่มขึ้น (+14% YoY, +7% QoQ) และของ PVC เพิ่มขึ้น(+1% YoY ,+14% QoQ) ในขณะที่ปริมาณยอดขาย polyolefin ลดลงเหลือ 442kt (-7% YoY, -10%QoQ) เนื่งจากมีการตุนสต็อกเผื่อการฟื้นตัวของ MOC

ii) กำไรจากธุรกิจปูนซีเมนต์-วัสดุก่อสร้าง หรือ CBM (20.1% ของกำไรใน 3Q63) เพิ่มขึ้นถึง 113.3%YoY เนื่องจากมีผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ลดลงเหลือ 500 ล้านบาท (จาก 640 ล้านบาทใน 3Q62 แล 700 ล้านบาทใน 2Q63) แต่หากไม่รวมผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ กำไรจากธุรกิจหลักจะเพิ่มขึ้น 9% YoY แต่ลดลง 11% QoQ เนื่องจากอุปสงค์ปูนซีเมนต์ในภูมิภาค รวมถึงสินค้าเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย และกระเบื้องเซรามิคอ่อนแอ

iii) กำไรจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ (14.2% ของกำไรใน 3Q63) ลดลง 29.9% QoQ เหลือ 1.3 พันล้านบาท เนื่องจากมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้จาก PT Fajar (100 ล้านบานท) แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรจากธุรกจิหลักจะลดลง 5% YoY แต่เพิ่มขึ้น 2% QoQ เนื่องจากอุปสงค์อ่อนแอ

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2563-64 ขึ้นอีก 10.7 - 3.1%

เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2563 ขึ้นอีก 10.7% และปี 2564 ขึ้นอีก 3.1% เนื่องจาก i) ปรับเพิ่มประมาณการกำไรจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ จากการปรับเพิ่มสมมติฐาน spread ของ PVC ขึ้นจากเดิม 16.2% เป็น US$430/ton เพราะอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากอินเดีย ii) โครงการประหยัดต้นทุนของธุรกิจ CBM และ
iii) ธุรกิจยานยนต์และการเกษตรมีแนวโน้มดีขึ้น

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ถือ และให้ราคาเป้าหมาย SOTP ปี 2564 ที่ 366 บาท เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักใน 4Q63 จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากปริมาณยอดขาย polyolefin ลดลงเหลือ 120-130kT (-27%QoQ) จากการปิดซ่อมบำรุง MOC ตามแผนเป็นเวลา 45 วัน

Risks

ความล่าช้าของงานก่อสร้างภาครัฐ, ต้นทุนพลังงานอยู่ในขาขึ้น และความผันผวนของ spread เคมีภัณฑ์