หาเสียง 'เลือกตั้งสหรัฐ' โค้งสุดท้าย 'ไบเดน' นำ 'ทรัมป์' ต่อเนื่อง

หาเสียง 'เลือกตั้งสหรัฐ' โค้งสุดท้าย 'ไบเดน' นำ 'ทรัมป์' ต่อเนื่อง

วันเลือกตั้งประธานาธิบดีใกล้เข้ามาเต็มที โพลล์หลายสำนักชี้โจ ไบเดน นำประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อยู่มาก

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (29 ต.ค.) ถึงผลสำรวจความคิดเห็นทั่วประเทศจัดทำโดยบริษัทวิจัยอิสระ “เอสเอสอาร์เอส”ในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียง พบว่า ผู้ที่ตั้งใจไปเลือกตั้ง 54% สนับสนุนโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต 42% สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ไบเดนนำมาในทุกโพลล์ของซีเอ็นเอ็นตั้งแต่ปี 2562 และนำมากอย่างมีนัยสำคัญในการทำโพลระดับชาตินับตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิ

แม้ว่าผลการเลือกตั้งจะตัดสินกันที่ระดับรัฐโดยคณะผู้เลือกตั้ง แต่คะแนนนิยมโค้งสุดท้ายของการหาเสียง ไบเดนนำในระดับชาติมากยิ่งกว่าผู้สมัครประธานาธิบดีคนใดเคยทำได้

โพลล์ของซีเอ็นเอ็นไม่ได้บ่งชี้ว่า การหาเสียงตลอด 4 ปีของทรัมป์เพื่อให้ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งสามารถสร้างผู้สนับสนุนหน้าใหม่ได้ หลังจากเขาชนะเลือกตั้งมาด้วยคะแนนเสียงไม่มากนักเมื่อปี 2559 ดังนั้นหากทรัมป์ต้องการชนะก็ต้องอาศัยจำนวนผู้ที่ออกมาใช้สิทธิในวันเลือกตั้ง ที่ซีเอ็นเอ็นพบว่า ในบรรดาคนที่ลงคะแนนไปเรียบร้อยแล้ว (เลือกไบเดน 64% เลือกทรัมป์ 34%) หรือคนที่วางแผนไปเลือกตั้งล่วงหน้าแต่ไม่ได้ไป (เลือกไบเดน 63% เลือกทรัมป์ 33%) ไบเดนได้เสียงสนับสนุนเกือบ 2 ใน 3 แต่คนที่บอกว่าจะไปใช้สิทธิในวันเลือกตั้ง เลือกทรัมป์ 59% เลือกไบเดน 36%

คุณลักษณะทางประชากรเป็นตัวกำหนดการเมืองระดับชาติตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ผู้หญิงสนับสนุนไบเดน 61% ทรัมป์ 37% ส่วนผู้ชายนิยมพอๆ กัน ทรัมป์ 48% ไบเดน 47% ผู้มีสิทธิเลือกตั้งผิวสีเลือกผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตมากกว่าเกือบ 50% โดยสนับสนุนไบเดน 71% ทรัมป์ 24% ส่วนคนขาวเลือกทรัมป์ 50% ไบเดน 48%

ในด้านคุณลักษณะไบเดนเหนือทรัมป์ในแง่ที่ว่า เป็นผู้สมัครที่สามารถสร้างความสามัคคีในประเทศได้ (ไบเดน 60% ทรัมป์ 34%) ซื่อสัตย์และไว้ใจได้ (ไบเดน 54% ทรัมป์ 37%) ห่วงใยประชาชน (ไบเดน 54% ทรัมป์ 40%) ดูแลคนอเมริกันให้ปลอดภัยจากอันตราย (ไบเดน 52% ทรัมป์ 45%) กระนั้น ผู้ที่ตั้งใจจะไปเลือกตั้งมีความเห็นพอๆ กันในเรื่องผู้สมัครที่แข็งแกร่งและเฉียบแหลมเหมาะสำหรับเป็นประธานาธิบดี (ไบเดน 46% ทรัมป์ 47%) ซึ่งจุดนี้ทรัมป์โจมตีไบเดนมาตลอดว่าอายุมาก

การที่ไบเดนนำมาในโพลล์สื่อหลายสำนักจึงรายงานเน้นหนักไปที่ตัวเขา สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กว่าจะถึงจุดนี้ไบเดนเคยผ่านเรื่องโศกเศร้าในชีวิตมาแล้วมากมาย แต่มีความฝันทางการเมือง ให้คำมั่นว่าจะถ้าได้เป็นประธานาธิบดีหลังจากทำงานการเมืองมาเกือบ 50 ปี เขาจะสร้างความสามัคคีให้กับชาวอเมริกัน

ไบเดน เล่นการเมืองระดับชาติด้วยการได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ว.รัฐเดลาแวร์ เมื่อปี 2515 แบบไม่คาดฝันด้วยวัยเพียง 29 ปี แต่หนึ่งเดือนต่อมาเขาต้องเจอกับโศกนาฏกรรมเมื่อภรรยานีเลียประสบอุบัติเหตุขณะขับรถพาลูก 3 คน ไปซื้อของช่วงคริสต์มาส ภรรยาและลูกสาววัย 1 เดือนเสียชีวิต ลูกชาย 2 คนบาดเจ็บสาหัส ต่อมาในปี 2558 โบ ลูกชายคนโตต้องเสียชีวิตลงจากโรคมะเร็งสมอง โศกนาฏกรรมเหล่านี้ทำให้คนอเมริกันเห็นอกเห็นใจเขา

ด้วยวัย 77 ปี และมีคะแนนนำในโพลล์ตลอดมา ไบเดนมีสิทธิเป็นประธานาธิบดีอาวุโสสูงสุดของสหรัฐก็ได้ หลังจากเคยเป็น ส.ว.อายุน้อยที่สุดคนหนึ่งของประเทศมาแล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์วัย 74 ปี มักเรียกคู่แข่งว่า “โจผู้หลับใหล” หาว่าไบเดนความคิดไม่ฉับไว

ความแตกต่างของไบเดนเมื่อเทียบกับทรัมป์คือ เป็น ส.ว.มานานกว่า 30 ปีก่อนมาเป็นรองประธานาธิบดีให้กับบารัก โอบามาอีก 8 ปี

การหาเสียงของไบเดนส่วนใหญ่เน้นความเกี่ยวข้องกับโอบามา ที่ตอนนี้ยังเป็นที่นิยมอยู่มาก และความสามารถของไบเดนในการติดต่อกับผู้นำโลกหลายคน จากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรองประธานาธิบดี

ในช่วงที่การเมืองแตกแยกแบบนี้ ไบเดนเสนอการเมืองสายกลาง แต่ก็ให้คำมั่นว่าถ้าได้เป็นประธานาธิบดีจะดำเนินการอย่างก้าวหน้าในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความอยุติธรรมด้านเชื้อชาติ และลดหนี้เพื่อการศึกษา

ด้านสำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ในช่วงที่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐกำลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกร้องให้รัฐต่างๆ เมินการล็อกดาวน์ ส่วนไบเดนกล่าวว่า การที่ทรัมป์จัดการวิกฤติโควิดได้ไม่ดีเป็นการดูถูกเหยื่อไวรัสร้าย

บีบีซีระบุด้วยว่า อีก 6 วันจะถึงวันเลือกตั้งแม้ไบเดนนำมาอย่างแข็งแกร่งในโพลล์ระดับชาติ แต่ในรัฐที่ไม่ใช่ฐานเสียงของฝ่ายใด (สวิงสเตท) ที่ใครชนะก็ได้เป็นประธานาธิบดี ไบเดนมีคะแนนนิยมนำทรัมป์น้อยลง

ขณะนี้ชาวอเมริกันใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าแล้วกว่า 75 ล้านคน ในจำนวนนี้เกือบ 50 ล้านคนลงคะแนนทางไปรษณีย์ ที่ผู้คนนิยมมากจนทุบสถิติเพราะโควิดระบาด

ส่วนผู้เสียชีวิตจากโควิดเพิ่มขึ้นใน 39 รัฐ เฉลี่ยแล้วทั่วสหรัฐเสียชีวิตวันละราว 800 คน

แอนโธนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโควิด-19 ของทำเนียบขาวเผยกับบีบีซีเมื่อวันพุธ (28 ต.ค.) ว่า การหาเสียงของทรัมป์น่าจะเป็นตัวแพร่โควิด เพราะประชาชนที่มารวมตัวกันไม่สวมหน้ากากและไม่เว้นระยะห่าง งานนี้จึงน่าจะเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์

เรื่องการรับมือโควิดนี้ผู้สมัครทั้งสองคนมีท่าทีแตกต่างกันมาก เมื่อวันพุธไบเดนหาเสียงที่บ้านเกิดเมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ ระบุว่า เขาจะไม่รับปากพล่อยๆ ว่า สามารถยุติการระบาดได้แค่ปิดสวิตช์

ไบเดนไม่ได้ตัดมาตรการล็อกดาวน์เพิ่มเติม แต่ให้คำมั่นว่าการตัดสินใจจะยืนอยู่บนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์

“ถ้าผมชนะ ผมจะทำงานหนักเพืื่อยุติการระบาด ขอสัญญาไว้ตรงนี้เลยว่า เราจะทำสิ่งที่ถูกต้องตั้งแต่วันแรก” ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตให้คำมั่นต่อผู้สนับสนุน

ส่วนทรัมป์ไปปราศรัยที่เมืองกูดเยียร์ รัฐแอริโซนา เตือนว่า หากได้ไบเดนเป็นประธานาธิบดีเขาจะล็อกดาวน์มากขึ้น เศรษฐกิจของชาวอเมริกันจะชอกช้ำหนัก

“ถ้าคุณเลือกโจ ไบเดน หมายความว่า เด็กๆ จะไม่ได้ไปโรงเรียน ไม่มีงานรับปริญญา ไม่มีการแต่งงาน ไม่มีการขอบคุณพระเจ้า ไม่มีคริสต์มาส วันประกาศอิสรภาพก็ไม่มี ยิ่งกว่านั้นคือคุณจะมีชีวิตมหัศจรรย์ ไม่ได้พบหน้าใครเลย แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ” ทรัมป์กล่าว