ก้าวต่อของ ‘พ่อแม่วัยใส’

ก้าวต่อของ ‘พ่อแม่วัยใส’

เพราะความผิดพลาดไม่ใช่ตัวชี้ขาดชะตาชีวิต “พ่อแม่วัยใส” กลุ่มนี้ จึงพยายามก้าวผ่านอดีต ด้วยการสร้างปัจจุบัน เพื่ออนาคต ไม่ใช่แค่ตัวเอง แต่เพื่อ “ลูก” อีกชีวิตที่พวกเขาต้องดูแล ด้วยการพัฒนาทักษะอาชีพตามแต่ละคนสนใจ

“ตอนที่หนูพลาดเพราะไม่ได้ป้องกันค่ะ ประจำเดือนมาไม่ปกติก็เป็นเรื่องปกติของหนูก็เลยไม่ได้เอะใจ” อ้อนแอ้น แม่วัยใสวัย 18 ปี เปิดเผยถึงสาเหตุของความผิดพลาดจนต้องตั้งครรภ์ตั้งแต่ยังเด็กคือตอนเรียนอยู่ ม.2 ก่อนจะความแตกว่าเธอท้อง มีเพียงแม่ที่รู้เรื่องนี้ ถึงจะมีทางเลือกหนึ่งคือการเอาเด็กออก แต่เด็กวัย 14 ขณะนั้นกลับมีความเป็นแม่อยู่เต็มเปี่ยม

“หนูคิดว่าการทำแท้งเป็นเรื่องที่บาปมาก เหมือนเราฆ่าคนทั้งคน แล้วเด็กไม่ได้รู้เรื่องอะไร เราเป็นคนทำ ทำไมเราต้องไปเอาเขาออกด้วย คือลูกทั้งคนทำไมจะเลี้ยงไม่ได้ ก็ตั้งแต่ท้องมาก็ไม่เคยขอเงินทางบ้านอีกเลย”

หลังจากกลายเป็น “แม่วัยใส” เต็มตัว อ้อนแอ้นต้องละทิ้งทุกอย่าง ทั้งการเรียนและอนาคต เพื่อทำหน้าที่ “แม่” แต่หลังจากคลอดลูกชายและได้เลี้ยงดูแก้วตาดวงใจไประยะหนึ่ง มีคำถามเกิดขึ้นในใจ “จะมีเงินเลี้ยงลูกไหม? ลูกจะมีกินไหม?” ทุกคำถามทำให้เธอเปิดรับโอกาสอีกครั้ง พอดีกับที่มีรุ่นพี่มาชวนเข้าร่วม โครงการพัฒนาทักษะอาชีพการเป็นผู้ประกอบการอาหารขนาดย่อมในกลุ่มพ่อแม่วัยรุ่น ในพื้นที่อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)

ความกล้าหาญที่จะแสวงหาอนาคตครั้งนี้นำไปสู่ธุรกิจ “น้ำผึ้งมะนาวโซดา” ที่ตอนนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

“ร้านของหนูชื่อร้าน Honey Fresh ค่ะ เป็นพวกน้ำผึ้งมะนาวโซดาและน้ำผึ้งมะนาวธรรมดา ขายมาได้ประมาณ 3-4 เดือนแล้ว ตอนนี้มีรายได้เพิ่มมามากขึ้น ตอนนี้ก็มีเงินซื้อรถกระบะมาขายของแล้ว โดยเราซื้อสดแล้วไปผ่อนกับไฟแนนซ์”

แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ อ้อนแอ้น เคยต้องแบกร่างกายที่ไม่สมบูรณ์นัก ทั้งจากภาวะกระดูกสันหลังคด และอายุยังน้อย ไปสมัครงานเท่าที่เด็กคนหนึ่งซึ่งไร้วุฒิการศึกษาขั้นพื้นฐานพอจะทำได้ ทั้งเป็นพนักงานร้านหมูกระทะที่เธอบอกว่าหนักหนาและลำบาก และพนักงานร้านอาหารซึ่งก็ไม่เหมาะกับลักษณะนิสัยอีก

160396229797

“ช่วงที่ลูกชายหนูได้ขวบกว่าๆ หนูก็ไปทำงานเป็นพนักงานร้านหมูกระทะ ก็โดนรุ่นพี่ใช้งานหนัก แล้วหนูเป็นโรคกระดูกสันหลังคด ยกของหนักไม่ได้ แต่พี่เขาใช้ให้ยกกระสอบน้ำแข็ง หนูก็บอกว่าหนูยกของหนักไม่ได้ เขาก็ต่อว่า หนูเลยทำงานได้อาทิตย์เดียวก็ลาออกเลย เพราะรู้สึกไม่สบายใจ

หลังจากนั้นก็ไปทำงานร้านอาหารแถวนิมมาน ตั้งแต่ก่อนมีโควิด-19 ก็ไปทำแก้วเขาแตก เพราะหนูเป็นคนที่ทำอะไรเชื่องช้า พอต้องทำอะไรเร็วๆ ก็จะลนจนทำแก้วเขาแตก และโดนเพื่อนร่วมงานแกล้งอีกจนโดนไล่ออกแบบไม่มีสาเหตุ”

ก่อนที่โครงการพัฒนาทักษะอาชีพฯ “พ่อแม่วัยรุ่น” จะเริ่มต้น กลุ่ม “ฅนวัยใส” ดได้ทำงานช่วยเหลือพ่อแม่วัยรุ่นในพื้นที่อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่มานานกว่า 4 ปี แต่ส่วนมากเน้นไปที่เรื่องสุขภาพ และพัฒนาการเด็กซึ่งเป็นลูกๆ ของ “พ่อแม่วัยใส”

หลังจากนั้นได้ต่อยอดเป็นโครงการพัฒนาทักษะอาชีพฯ ดังกล่าว ศรินญา สิงห์ทองวรรณ ผู้อำนวยการและผู้ก่อตั้งกลุ่มฅนวัยใส บอกว่าหลังจากคลุกคลีกับพ่อแม่วัยรุ่นมาหลายปี นอกจากเรื่องการศึกษาที่น้อยแล้ว “ความยากจน” คือปัญหาสำคัญของชีวิตพวกเขา ซึ่งกลายเป็นสิ่งที่ตัดโอกาสให้พวกเขาก้าวต่อไปอย่างน่าเสียดาย

“ถ้าพวกเขาไม่อิ่มท้อง การพัฒนาด้านอื่นจะถูกปิดประตู เราต้องหาทางทำให้พวกเขามีรายได้ หรือหารายได้ด้วยตัวเอง เพราะนอกจากจะทำให้เขามีทุนดำเนินชีวิต พวกเขาจะได้มีความภาคภูมิใจในตัวเองด้วย”

ทว่าไม่ใช่ใครอยากขายอะไรก็ขายหรืออยากทำอะไรก็ทำ แต่ทางโครงการต้องการให้ “พ่อแม่วัยรุ่น” กำหนดเป้าหมายชีวิตให้ได้ก่อน ต่อจากนั้นต้องจัดการเรื่องการออมเงิน เพื่อเป็นต้นทุนและเลี้ยงดูครอบครัวได้ตามวัตถุประสงค์

“หลังจากเราได้ติดตามประเมินผลกลุ่มเป้าหมาย จะเห็นเลยว่ามีถึง 5-6 ครอบครัว ที่นำไปต่อยอดได้อย่างได้ผล ยกตัวอย่างเช่น น้ำผึ้งมะนาวโซดา ของน้องอ้อนแอ้น จากเด็กที่ไม่มีเป้าหมายชีวิต แต่เขาได้รับการสนับสนุนจากทางครอบครัว โดยมีพี่สาวเป็นแรงผลักดัน จนเขาไปตั้งบูธขายที่ตลาดของชนชั้นกลางได้ และขายได้อย่างต่อเนื่อง เป็นพัฒนาการที่ดี เราก็รู้สึกภาคภูมิใจในสิ่งที่เขาทำ”

160396229714

160396229777

ด้าน สุดาพร นาคฟัก ผู้รับผิดชอบโครงการฯ อธิบายว่า พ่อแม่วัยรุ่นที่อยู่ในโครงการมีตั้งแต่อายุ 14 จนถึง 24 ปี ส่วนมากอายุไม่ถึง 18 ปี นั่นหมายความว่าทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะเข้าสู่การทำงานที่เป็นกิจลักษณะ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูกกลับเดินหน้าต่ออย่างไม่ลดละ การพึ่งพิงค่าใช้จ่ายจากครอบครัวจึงไม่น่าภาคภูมิใจ แต่การสร้างเนื้อสร้างตัวหลังจากเข้าร่วมโครงการคือการก้าวต่อของ “พ่อแม่วัยใส”

“เราต้องการให้พวกเขามีอาชีพ แต่เนื่องจากพวกเขามีลูกเล็กๆ การไปทำงานประจำก็ยาก เพราะฉะนั้นจึงต้องเป็นอาชีพที่ง่าย ทำที่บ้านได้ อาจไม่ต้องเป็นรายได้หลัก อาจเป็นรายได้เพิ่ม แต่อย่างน้อยเขาจะมีเงินเพียงพอเพื่อดูแลลูกของพวกเขาได้กับตัวของเขาเอง”

หลายคนอาจจะคิดว่าการต้องเป็น “พ่อแม่วัยใส” ทั้งที่ยังไม่พร้อม คือความผิดพลาด อาจจะจริงที่ชีวิตของพวกเขาต้องสะดุดหรือเกือบพังทลาย แต่ไม่เสมอไปที่ความผิดพลาดนั้นจะทำลายทั้งชีวิตของพวกเขา เพราะเป้าหมายที่เปลี่ยนจาก “ตัวเอง” เป็นเพื่อ “ลูก” พร้อมกับการเปิดใจยอมรับโอกาส ทำให้พวกเขามีวันนี้ได้

“ถ้าหนูไม่ได้เข้าโครงการนี้ หนูก็คงต้องเป็นลูกจ้างเขาไปตลอด ความฝันของหนูคืออยากมีร้านเป็นของตัวเอง อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ตอนนี้หนูมีเป้าหมายในชีวิตมากขึ้น เพื่อลูกจะได้เรียนสูงๆ ไม่ต้องมาลำบากเหมือนเรา อยากให้ลูกมีเพื่อนที่ดีไม่พากันไปเหลวไหล ตอนนี้ลูกของหนูก็สามขวบแล้ว หนูอยากบอกลูกว่า รักลูกมากๆ และอยากให้ลูกเป็นคนดีค่ะ

สำหรับคนที่ยังไม่เคยผิดพลาด ทำอะไรก็คิดหน้าคิดหลังให้รอบคอบ ดีกว่ามาผิดพลาดในชีวิตครั้งใหญ่ ส่วนคนที่ผิดพลาดก็แก้ไขได้ ไม่ต้องเสียใจที่ทำให้คนที่เรารักเสียใจ เรามีชีวิตเป็นของเรา ต้องสู้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าชีวิตจะหาไม่” อ้อนแอ้นฝากทิ้งท้าย