หลุด 1200 จุด

หลุด 1200 จุด

ดัชนีวานนี้พลิกปิดลดลง -1.01 จุด จากขึ้นไปบวกสูงสุดกว่า 7 จุด โดยดัชนีมีแรงขายเข้ามาในช่วงบ่าย ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค

ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส และตลาดหุ้นโซนยุโรปที่ลบเฉลี่ยกว่า 1% คาดเกิดจากความกังวลของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐที่ล่าช้า โดยดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,207.94 จุด -1.01 จุด -0.08% มูลค่าการซื้อขาย 5.5 หมื่นลบ. ต่างชาติ -3,346.14 บาท TFEX +2,644 สัญญา ตราสารหนี้ +1,778 ลบ.

ปัจจัยบวก

+สัญญาณศก.ดีขึ้น สศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ก.ย. +3.25%MoM ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 สะท้อนว่าภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นใกล้กับระดับในช่วงก่อนหน้า
+เงินบาทเปิดตลาด'อ่อนค่า'ที่ 31.26 บาทต่อดอลลาร์ตามภาพรวมตลาดการเงินโลกที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นหลังมีหลายประเทศในยุโรปกลับมาล็อกดาวน์เพื่อลดการระบาดของโควิด-19
+วานนี้ครม.อนุมัติอีก 4โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจใช้งบฯกว่า 111 ลบ. พัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้้ามันและยกระดับอุตฯท่องเที่ยวไทย

ปัจจัยลบ

-ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลง 943.24 จุด -3.43% กังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซ้้าจะท้าให้ประเทศต่างๆ ประกาศมาตรการล็อกดาวน์ และความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งสหรัฐ และความล่าช้าในการออกมาตรการกระตุ้นศก.ของสหรัฐ
-ราคาน้้ามันดิบ WTI ปิดร่วงลง 2.18 ดอลลาร์ -5.5% ปิดที่ 37.39 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้้ามันดิบพุ่งขึ้นเกินคาด และกังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐและยุโรป
-ผู้เชี่ยวชาญเตือนผู้ป่วยโควิดรายใหม่ในสหรัฐพุ่ง 100,000 รายต่อวันในสัปดาห์นี้ อิตาลีติดเชื้อใหม่ทุบสถิติ
ฝรั่งเศสตายเพิ่ม-ทางการเล็งเพิ่มกฎเข้มขึ้น เยอรมนีติดโควิดวันเดียวเกือบ 15,000 ราย สูงเป็นประวัติการณ์ ยอดตายทะลุหมื่น
-ความไม่แน่นอนการเมืองภายในประเทศ
+ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดเพิ่มขึ้น 14.92 จุด +0.46%
-ตลาดหุ้นโตเกียวเช้านี้เปิด -247.75 จุด วิตกล็อกดาวน์ครั้งใหม่ในยุโรป

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามทิศทางตลาดโลก จากแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในยุโรปและสหรัฐ จะท้าให้ประเทศต่างๆประกาศมาตรการล็อกดาวน์ ประกอบกับราคาน้้ามันดิบ WTI ที่ปรบตัวลงแรง -5% เป็นตัวกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,185-1,210 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

• หุ้นที่คาดว่าผลประกอบการ 3Q20 เติบโตต่อเนื่อง WICE XO TACC SPVI
• หุ้นกลุ่ม Laggard โรงไฟฟ้า GPSC EGCO กลุ่มสื่อสาร ADVANC
• ราคายางพาราปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง STA TRUBB NER

หุ้นรายงานพิเศษ

       TNP  "ซื้อ"    ราคาเหมาะสม 3.80 บาท

        “ผลประกอบการ 4Q63 มีแนวโน้มดีต่อเนื่อง”

(+) รายงานก้าไรงวด 3Q63 เท่ากับ 30.02 ลบ. +55%YoY +7%QoQ ตามคาด โดยมีปัจจัยเติบโตจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นสู่ 519 ลบ. +9.5%YoY +0.1%QoQ ตามการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้สู่ 30 สาขา จากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่มี 27 สาขา ประกอบกับ SSSG ที่พลิกเติบโตเท่ากับ 0.1% จาก 2Q63 ซึ่ง SSSG -7.7% ฟื้นตัวหลังจากผ่านพ้นช่วงสถานการณ์ COVID-19 และ Lockdown เมือง ส่วน %GPM ทรงตัวในระดับสูงที่ 16.6% (คาด %GPM จะเป็น base ใหม่อยู่ที่ระดับ +/-16% จากเฉลี่ย 3 ปีก่อนอยู่ที่ระดับ 12-13%) ตามการขยายสาขาค้าปลีกที่มี %GPM สูงที่ระดับ 17-18%

(+) แนวโน้ม 4Q63 ยังเติบโตต่อเนื่อง YoY QoQ โดยมีปัจจัยบวกดังนี้ 1) การกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ โครงการ “คน ละ ครึ่ง” และเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการฯ อีก 500 บาท 2) มีแผนเปิดสาขาค้าปลีกเพิ่มอีก 2 สาขา และ 3) เข้าสู่ช่วง High Season

(+) ความเห็น แนวโน้มผลประกอบการยังคงเติบโตต่อเนื่องใน 4Q63 และปี 2564 ตามการขยายสาขาค้าปลีกตามแผน 3-4 สาขาต่อปี Forward PE ราว 20 เท่า ถูกกว่ากลุ่มที่ 25 เท่า แนะน้า “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 3.80 บาท

หุ้นมีข่าว

(+) STARK (Bloomberg Consensus - บาท) “วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ” ผู้ถือหุ้นใหญ่ STARK โยนบิ๊กล็อต 2,250 ล้านหุ้นให้กองทุน-สถาบัน-VI ปลดล็อกปัญหาฟรีโฟลต โดยขายที่ราคา 1.40 บาท จากต้นทุนหุ้นละ 0.60 บาท ฟาดก้าไรอื้อกว่า 1,800 ล้านบาท พร้อมลั่นเตรียมถูกดึงเข้าค้านวณในดัชนี SET50 และ MSCI (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) TFG (Bloomberg Consensus 5.57 บาท) ประเมินธุรกิจครึ่งปีหลังสดใส จากปริมาณความต้องการบริโภคไก่และสุกรเติบโต ส่วนโรคระบาด ASF ส่งผลปริมาณสุกรในตลาดหายไป หนุนราคาจ้าหน่ายอยู่ระดับสูงต่อเนื่อง ด้านส่งออกมีแนวโน้มดี คงเป้ารายได้ปีนี้โต 10% (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) SINGER (Bloomberg Consensus 17.35 บาท) ฟุ้งพอร์ตสินเชื่อ C4C ปี 2563 โตทะลุเป้า 2.2 พันล้านบาท รับดีมานด์โตเด่น บิ๊ก "กิตติพงศ์" คอนเฟิร์มสินเชื่อรวมปี 2563 ตามฝัน 6.2 พันล้านบาท รับฐานลูกค้าโตต่อเนื่องแถมชงผู้ถือหุ้นอนุมัติขยายกรอบหุ้นกู้เพิ่มอีก 3 พันล้านบาท ระดมทุนอัพฐานธุรกิจสินเชื่อระยะยาว คาดชัดเจนช่วง 6 พฤศจิกายนนี้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+/-) SFT (Bloomberg Consensus - บาท) SFT ด้าเนินธุรกิจผลิตและจ้าหน่ายฉลากฟิล์มหดรัดรูป เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขาย (เทรด) ในตลาด mai กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม เป็นวันแรกในวันที่ 29 ตุลาคม 2563 ทั้งนี้ SFT มีทุนช้าระแล้ว 220 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (PAR) หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 320 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 120 ล้านหุ้น เสนอขาย IPO ในราคาเสนอขายหุ้นละ 3.80 บาท อัตราส่วนราคาหุ้นต่อก้าไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) ประมาณ 27.14 เท่า มีบริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จ้ากัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจ้าหน่ายและรับประกันการจ้าหน่าย (ที่มา ข่าวหุ้น)

ปัจจัยจับตา

ในประเทศ

29 ต.ค. สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค และดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค และรายงานประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2563

30 ต.ค. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจภายใน

ต่างประเทศ

29 ต.ค. ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยอียู เปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.ธนาคารกลางยุโรป (ECB) แถลงมติอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ เปิดเผยจ้านวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และ GDP 3Q63 (ประมาณการเบื้องต้น) และยอดท้าสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนก.ย.

30 ต.ค. อียูเปิดเผย GDP 3Q63 (ประมาณการเบื้องต้น) และอัตราว่างงานเดือนก.ย.สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ย.

31 ต.ค. จีน เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการเดือนต.ค.

2 พ.ย. อียูเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.สหรัฐเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนต.ค. ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.และการใช้จ่ายภาคโรงงานเดือนก.ย.