นักลงทุน 30 ราย ซื้อบิ๊กล็อต STARK

นักลงทุน 30 ราย ซื้อบิ๊กล็อต STARK

STARK ราคาดิ่งหนัก 23% เหตุ กังวล“วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ”ขายบิ๊กล็อตราคาต่ำกว่ากระดาน 27% ให้นักลงทุนรายใหญ่ - สถาบันในประเทศ-ต่างประเทศ กว่า30 ราย “ชนินทร์”ยันผู้ถือใหญ่ไม่ขายหุ้นเพิ่มหลังฟรีโฟลทได้ตามเป้า 20%เข้าSET50  

     ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) วานนี้ (28ต.ค.)ปรับตัวลดลงอย่างหนักในการซื้อขายเช้านี้ ราคาร่วงลงไปต่ำสุดที่ 1.47 บาท ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.45 บาท หรือ  23.43%  และกลับมาปิดที่ 1.50 บาท ลดลง 0.42 บาท หรือ 21.88%  มูลค่าซื้อขาย 3,414.05 ล้านบาท ท่ามกลางการกังวลผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ1 นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ทำรายการขายหุ้นบนกระดานรายใหญ่(บิ๊กล็อต)ที่ราคาต่ำกว่าราคาในกระดานถึง 27%

      ผู้สื่อข่าวรายงานพบรายการบิ๊กล็อตหุ้น STARK ทั้งกระดานในประเทศและกระดานต่างประเทศจำนวน 33 รายการ จำนวนรวม2,250 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.40 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาปิดในกระดานหุ้นของวันก่อนหน้าที่ราคาหุ้นละ 1.92 บาท มูลค่ารวม 3,150 ล้านบาท

     

 

 

 นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ประธานกรรมการบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ STARK เปิดเผยว่า รายการบิ๊กล็อตดังกล่าวเป็นการขายของผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ  เพื่อเป็นการเพิ่มปริมาณหุ้นหมุนเวียน(ฟรีโฟลท)ในตลาด โดยขายให้กับนักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงนักลงทุนรายใหญ่ในประเทศ รวมกว่า 30 ราย รวมจำนวน 2,250 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 9.45% ของจำนวนหุ้นที่ออกแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ เพราะต้องการเพิ่มฟรีโฟลทถึง 20.85% จากเดิมก่อนหน้านี้ที่ 11.40% เพื่อที่จะได้เข้าเงื่อนไขให้หุ้นของบริษัทสามารถเข้าไปคำนวณใน SET50 ซึ่งหลังจากนี้ผู้ถือใหญ่ดังกล่าวจะไม่มีการขายหุ้นออกมาอีก 

ทั้งนี้สาเหตุราคาขายบิ๊กล็อตที่ต่ำกว่าราคาในกระดานนั้น เพื่อให้ส่วนลดกับนักลงทุนและสะท้อนกับปัจจัยลบต่างๆที่กดดันการลงทุนในตลาดทุนปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นเรื่องการชุมนุมทางการเมือง โควิด-19ที่ยังคงแพร่ระบาดหนักในต่างประเทศ และราคาเสนอขายบิ๊กล็อตที่ 1.40 บาท นั้น บริษัทได้จ้างที่ปรึกษาทางการเงินในการประเมินรวมถึงทำการสำรวจความสนใจจองซื้อนักลงทุนสถาบัน ซึ่งให้ความสนใจซื้อล้นกว่าจำนวนที่ขายครั้งนี้ ดังนั้นเชื่อว่านักลงทุนสถาบันดังกล่าวจะเข้ามาซื้อหุ้นในกระดานเพิ่มเพื่อให้ได้ตามจำนวนที่ต้องการ 

 “บริษัทจะปิดสมุดทะเบียนใน 1-2 วันนี้  ซึ่งจะเห็นรายชื่อผู้ที่เข้ามาซื้อบิ๊กล็อต เชื่อว่านักลงทุนรายย่อยก็จะhappy ”

      

นางสาวนลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส กล่าวว่า  การทำบิ๊กล็อตครั้งนี้ถือเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้น เพราะ ราคาขายบิ๊กล็อตที่ต่ำกว่าราคาปิดวันที่27 ต.ค. ที่ 1.92 บาท ถึง 27%  ในส่วนประมาณการเราต้องติดตามนโยบายบริษัทก่อน และไม่รู้ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงที่จะกระทบราคาเหมาะสมของSTARK ที่บล.เอเซียประเมินไว้ที่ 2.50 บาท หรือไม่ ภายใต้สมมุติฐานที่STARK ให้ข้อมูลไว้ ซึ่งหากกระทบเราก็จะต้องมีการปรับประมาณการใหม่ ในเบื้องต้นนักลงทุนอาจจะต้องระมัดระวังลงทุน เพราะเป็นหุ้นไม่มีสภาพคล่องที่ผ่านมา