หุ้นมาร์เก็ตแคปใหม่มา เบียด ‘TCAP- ERW’ หลุดบิ๊กแคป

หุ้นมาร์เก็ตแคปใหม่มา  เบียด ‘TCAP- ERW’ หลุดบิ๊กแคป

การเปลี่ยนแปลงหุ้นเข้าและออกจากการคำนวณ SET 50 และ SET 100 มีผลต่อหุ้นไม่น้อยเพราะจะมีเม็ดเงินจากกองทุนที่มีนโยบายบริหารตั้งรับ (Passive Fund) ต้องเข้าใส่เงินลงทุนในหุ้นเพื่ออิงกับดัชนีดังกล่าว

ตามปกติการเปลี่ยนแปลงหุ้นการคำนวณของดัชนี SET 50 และ SET 100 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. ที่จะมีการปรับรอบใหม่ในช่วงกลางปี และปลายปี ซึ่งในรอบปลายปีนี้จะใช้ข้อมูลจนถึงวันที่ 30 พ.ย. 2563 เพื่อนำมาคำนวณหุ้นเข้าและออก

รอบนี้การเข้ามาของหุ้นใหญ่ไซต์เบิ้ม บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมามีมูลค่ามาร์เก็ตแคปที่ 1.5 แสนล้านบาท สามารถเข้าเกณฑ์ Fast Track ตามมูลค่ามาร์เก็ตแคป 1 % ของมูลค่าทั้งตลาดได้ทันที  ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีหุ้นไอพีโอขนาดใหญ่ได้รับเกณฑ์ดังกล่าวไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ด้วยมาร์เก็ตแคปเกือบแสนล้านบาท เข้าไปสู้ในอันดับที่ 18 และ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ด้วยมาร์เก็ตแคปช่วงนั้น 2 แสนล้านบาท เข้าไปอยู่ในอันดับ 15

สำหรับ SCGP หากเรียงตามลำดับจะเข้าสู่อันดับที่ 20 ทันที ซึ่งดูจากข้อมูลมาร์เก็ตแคปช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้หุ้นที่ติดอันดับ 19 คือ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC มูลค่า 150,855 ล้านบาท และหุ้นที่หล่นลงไปที่อันดับที่ 21 บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA มีมูลค่า 149,200 ล้านบาท

ขณะเดียวกันยังทำให้หุ้นในอันดับท้าย SET 50 และ SET 100 ตกชั้นไปตามระเบียบ อันดับที่ 50 บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP ซึ่งมีมาร์เก็ตแคป ที่ 31,458 ล้านบาท และและอันดับที่ 100 ที่ถูกลดลงไป บริษัท ดิเอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW มูลค่ามาร์เก็ตแคป 5,891.03 ล้านบาท

นอกจาก SCGP แล้วยังมีผลกับหุ้นอื่นๆ อีกด้วย ซึ่ง บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส คาดว่าหุ้นที่จะมีการอัพเข้าไปคำนวณใน SET 50 คือ บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ด้วยมูลค่ามาร์เก็ตแคป 65,610 ล้านบาท

ตามมาด้วย บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ด้วยมาร์เก็ตแคป 218,291 ล้านบาท บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA มาร์ เก็ตแคป 49,152 ล้านบาท และบริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 มีมูลค่ามาร์เก็ตแคป 51,900 ล้านบาท

ส่วนหุ้นที่น่าจะเข้าใน SET 100 ประกอบไปด้วย บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) หรือ DCC ด้วยมูลค่ามาร์เก็ตแคปที่ 19,021 ล้านบาท และ บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ซึ่งมีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 14,466 ล้านบาท

ขณะที่บล. ทรีนีตี้ คาดว่าทางฝั่งของดัชนี SET50 หุ้นที่มีแนวโน้มจะถูกคัดเลือกเข้าสู่ดัชนีได้แก่ DETLA, BAM, COM7 เช่นกัน ซึ่งหากเทียบเคียงกับมาร์เก็ตแคปปัจจุบัน หุ้นทั้ง 3 ตัวจะเข้ามาอยู่ในดัชนีเป็นลำดับที่ 14, 44, 50 ตามลำดับ เมื่อประเมินว่าผลต่อเม็ดเงินจากกองทุนประเภท Passive Index fund ที่อิงกับดัชนี SET50 นั้น จะมีผลต่อตัว DELTA ค่อนข้างสูง

สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะถูกถอดออกจากดัชนี SET50 แทน 3 ตัวข้างต้นจะได้แก่ บริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA, บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC และ บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP และในส่วนของ SET100 คาดว่าหุ้นที่มีโอกาสถูกนำเข้าคำนวณรอบใหม่นี้จะ ได้แก่ DELTA, BAM, MBKและ JMART

ส่วนหุ้นที่คาดว่ามีโอกาสจะหลุดออกจากดัชนี SET100 ได้แก่ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH, บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP, บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI, และ บริษัท เอเซีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ซึ่งคำแนะนำสำหรับหุ้นในกลุ่มนี้คือหลีกเลี่ยงการลงทุนไปก่อน

การปรับเปลี่ยนหุ้นในดัชนีเกิดขึ้นทุกครึ่งปีซึ่งปัจจัยดังกล่าวแม้จะส่งผลต่อเม็ดเงินที่เข้ามาลงทุนและดันมูลค่าหุ้นตอบรับได้ แต่สุดท้ายด้วยภาวะปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว ปัญหาโควิด-19 หรือแม้แต่การเมืองที่ยังหาทางออกร่วมกันไม่ได้ การลงทุนอาจจะเลือกลงทุนรายตัวและประเมินจากโอกาสเติบโตภายใต้วิกฤติเหล่านี้ประกอบไปด้วย