บอร์ดแข่งขันฯชี้ชะตาวันนี้ ถกควบรวม 'ซีพี-เทสโก้'

บอร์ดแข่งขันฯชี้ชะตาวันนี้ ถกควบรวม 'ซีพี-เทสโก้'

บอร์ดแข่งขันทางการค้า นัดชี้ขาดควบรวม “ซีพี-เทสโก้โลตัส” สั่งเพิ่มข้อมูลการเข้าสู่ตลาดค้าปลีกของรายใหม่ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ “สกนธ์” ยืนยันพิจารณาโปร่งใส ชี้ ผลการตัดสินอาจไม่ถูกใจใครทั้งหมด

คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) มีกำหนดพิจารณาคำขอควบรวมกิจการของบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ที่ซื้อหุ้นบริษัทเทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จะครบกำหนด 90 วัน ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งการซื้อหุ้นดังกล่าวจะทำให้ซีพีได้สิทธิการบริหารบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จํากัด ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีก Tesco Lotus ในไทย

นายสกนธ์ วรัญญูวัฒนา ประธานกรรมการการแข่งขันทางการค้า เปิดเผยกับกรุงเทพธุรกิจว่า คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า นัดประชุมในวันนี้ (29 ต.ค.) เพื่อพิจารณาการควบรวมกิจการของซีพีกับ Tesco Lotus ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าได้รับทราบรายงานของคณะอนุกรรมการด้านการพิจารณาโครงสร้างตลาดแล้ว ซึ่งมีความคืบหน้าของการจัดทำข้อมูลประกอบการพิจารณาแล้ว 90%

ทั้งนี้ คณะกรรมการแข่งขันทางการค้าที่ประชุมเห็นว่าข้อมูลดังกล่าวยังไม่ครบถ้วนจึงได้ให้คณะอนุกรรมการฯ จัดทำข้อมูลเพิ่มเติมในแต่ละประเด็น เช่น โครงสร้างตลาดก่อนและหลังการรวมธุรกิจ โครงสร้างผู้ถือหุ้น

รวมถึงข้อมูลการประเมินผลกระทบต่อการแข่งขันภายหลังการรวมธุรกิจ เช่น การกระจุกตัวในตลาด การเข้าสู่ตลาดของผู้ประกอบธุรกิจรายใหม่และการขยายการผลิตของคู่แข่งในตลาด ผลกระทบต่อการแข่งขันที่เกิดจากการร่วมมือกัน รายงานผลกระทบต่อประโยชน์โดยรวมทางเศรษฐกิจและผู้บริโภค

นายสกนธ์ กล่าวว่า การพิจารณาของคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าจะทันตามกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนดภายในเดือน ต.ค.นี้ แน่นอน แต่ผลจะออกมาอย่างไรขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมวันนี้ (29 ต.ค.) แต่ก็สามารถขยายระยะเวลาการพิจารณาออกไปได้อีกไม่เกิน 15 วัน หากมีกรรมการเห็นว่าต้องพิจารณารายละเอียดประเด็นใดเพิ่มเติม

ส่วนข้อสังเกตเกี่ยวกับการพิจารณาของคณะกรรมาชการอาจเอื้อประโยชน์ต่อผู้ที่ยื่นขอควบรวมกิจการ ซึ่งยืนยันว่าได้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบและโปร่งใส่ โดยผลการพิจารณาที่ออกมาจะต้องตอบคำถามของสังคมได้ รวมทั้งการควบรวมกิจการในครั้งนี้ไม่ใช่เป็นครั้งแรกของชุดนี้ เพียงแต่เป็นการขอควบรวมกิจการที่มีมูลค่าของตลาดใหญ่มาก

“ไม่ว่าผลการพิจารณาจะออกมาอย่างไรก็ต้องมีคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย คงไม่ถูกใครไปได้ทั้งหมด 100% แต่คณะกรรมการฯ พิจารณาด้วยความเป็นกลาง ไม่ได้เอาใจใคร ยืนยันไม่เอื้อประโยชน์ให้ใครอย่างแน่นอน ข้อมูลการพิจารณาทุกอย่างเป็นความลับ และการพิจารณาเป็นไปตาม พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า" นายสกนธ์ กล่าว

นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้เดินสายรับฟังความเห็นร้านค้าบางจังหวัด ซึ่งสะท้อนถึงการซื้อสินค้าบางตัวจากผู้ประกอบการค้าส่งแต่ไม่มีสินค้ามาจำหน่ายหรือเติมให้ไม่ทัน ขณะที่บางร้านที่อยู่ในเครือสามารถมีของขายในร้านได้ ซึ่งทำให้ร้านค้ารายเล็กมองว่าเป็นการใช้อำนาจเหนือตลาดหรือไม่ โดยข้อมูลดังกล่าวได้ส่งให้คณะกรรมการแข่งขันทางการค้าพิจารณาแล้วขึ้นกับพิจารณาของคณะกรรมการฯ

“ส่วนตัวเห็นว่าสุดท้ายแล้วคิดว่า คณะกรรมการแข่งขันทางการค้าจะอนุญาตให้ควบรวมกิจการได้ เพราะไม่อาจที่จะหยุดการดำเนินการกิจการค้าขนาดใหญ่ของประเทศได้ ซึ่งคงต้องดูต่อว่าผลจากการรวมกิจการจะกระทบอย่างไรกับร้านเล็กรายย่อย และจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร ยิ่งขณะนี้สภาพเศรษฐกิจประเทศที่ย่ำแย่ กำลังซื้อหดลงเรื่อยๆ ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการจับจ่ายสั่งสินค้าเดลิเวอรี่มากขึ้น แต่ไม่ว่าผลการพิจารณาของคณะกรรมการฯ จะออกมาอย่างไรก็ต้องมีคำตอบให้สังคมถึงเหตุผลการอนุญาตควบรวม” นายสมชาย กล่าว

ทั้งนี้ การพิจารณาอนุญาตให้ควบรวมกิจการตาม พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 กำหนดเกณฑ์การพิจารณา คือ ต้องคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ความจำเป็นตามควรทางธุรกิจและประโยชน์ต่อการส่งเสริมการประกอบธุรกิจ การไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง การไม่กระทบต่อประโยชน์สำคัญอันควรมีควรได้ของผู้บริโภคส่วนรวม โดยเมื่อคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าพิจารณาเสร็จแล้วจะแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ยื่นคำขอภายใน 7 วัน นับแต่วันที่คณะกรรมการมีคำสั่ง

รายงานข่าว ระบุว่า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อเดือน มี.ค.2563 ว่าบริษัทในเครือเจริญ โภคภัณฑ์ (ซีพี) ได้ทำการซื้อหุ้นบริษัทเทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และซื้อหุ้นบริษัท Tesco Stores (Malaysia) Sdn.Bhd. ซึ่งประกอบธุรกิจค้าปลีกเครื่องหมายการค้า Tesco ในมาเลเซีย 

ทั้งนี้ จะทำให้ซีพีได้สินทรัพย์มูลค่า 338,445 ล้านบาท แต่เงื่อนไขการซื้อสินทรัพย์ดังกล่าวจะต้องได้รับการอนุญาตจากคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าของไทย และ Ministry of Domestic Trade and Consumers Affairs ของมาเลเซีย

สำหรับธุรกิจ Tesco Lotus ในไทย ประกอบด้วยไฮเปอร์มาร์เก็ต 214 สาขาตลาดโลตัส 179 สาขา Tesco Express 1,574 สาขา และการให้เช่าพื้นที่ในศูนย์การค้า 191 สาขา (ข้อมูลเดือน ส.ค.2562)

ส่วนธุรกิจในมาเลเซียประกอบด้วยไฮเปอร์มาร์เก็ต 46 สาขาซุปเปอร์มาร์เก็ต 13 สาขาร้านค้าขนาดเล็ก 9 สาขา และให้เช่าพื้นที่ในศูนย์การค้า 56 สาขา (ข้อมูลเดือน ส.ค.2562) โดยเทสโก้ มาเลเซียได้พัฒนามาเป็นผู้นำในด้านกิจการค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคในมาเลเซีย