โลคัลพาร์ทเนอร์ ฉบับ 'มาซาร์ส'

โลคัลพาร์ทเนอร์ ฉบับ 'มาซาร์ส'

มองว่าข้อได้เปรียบอยู่ที่การมุ่งขยายธุรกิจด้วยการร่วมเป็นพันธมิตรกับธุรกิจในท้องถิ่นรวมถึงร่วมบริหารกิจการร่วมกับโลคัลพาร์ทเนอร์ในทุก ๆ ประเทศ

ซึ่งการเป็นโลคัลพาร์ทเนอร์ก็ได้ทำให้กลุ่มบริษัทมาซาร์สสามารถทำงานร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดและให้บริการลูกค้าในประเทศได้ด้วยมาตรฐานสากลเหมือนกันทั่วโลก ต่างไปจากบริษัทผู้สอบฯรายอื่น ๆ ที่ใช้วิธีขยายสาขาด้วยการให้ใบอนุญาต โดยบริษัทท้องถิ่นที่ถือใบอนุญาตก็ต่างฝ่ายต่างทำธุรกิจของตัวเอง ความร่วมมือระหว่างเครือข่ายจึงไม่มีความคล่องตัว

ทั้งนี้กลุ่มบริษัทมาซาร์สได้มีการเปิดตัวโฉมใหม่ของแบรนด์ Mazars Group พร้อมกันในกว่า 90 ประเทศทั่วโลก สะท้อนการนำเสนอบริการในมิติที่แตกต่างอย่างครบวงจร ตอกย้ำพันธกิจร่วมสร้างโลกที่มั่งคั่ง ยุติธรรมและยั่งยืน พร้อมชิงตลาดบิ๊ก 4 ในประเทศไทย


เออเว่ เอเลียส ประธานกรรมการบริหารและประธาน กลุ่มบริษัทมาซาร์ส (Mazars) ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาทางภาษี ผู้สอบบัญชีและที่ปรึกษาการดำเนินธุรกิจข้ามชาติชั้นนำ กล่าวถึงจุดประสงค์ของการรีแบรนด์ในครั้งนี้ว่า ก็เพื่อสะท้อนความสำเร็จของกลุ่มในการขยายกิจการให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและสมดุลมาโดยตลอด โดยในปีที่ผ่านมา (ปีงบการเงิน 2561/2562) กลุ่มบริษัทมาซาร์สมีรายรับสูงถึง 1.8 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้น 10.4% จากปีที่แล้ว (ไม่รวมกับรายได้พิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยนอีก 0.2%) ซึ่งอัตราการเติบโตของรายได้ดังกล่าวเป็นการเติบโตจากส่วนการดำเนินธุรกิจด้วยตนเอง หรือ organic growth ถึง 9 % อีกทั้งยังสะท้อนถึงวิวัฒนาการของ มาซาร์ส ที่เติบโตอย่างมั่นคงมาโดยตลอดจนกลายเป็นกลุ่มธุรกิจระดับนานาชาติ ปัจจุบัน มาซาร์สดำเนินธุรกิจในกว่า 90 ประเทศทั่วโลก มีบุคลากรรวมเกือบ 40,000 คน


ทั้งนี้ การมุ่งขยายธุรกิจไปยังนานาประเทศเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้มาซาร์ส มีอัตราการเติบโตของรายได้ที่มั่นคง ด้วยแหล่งรายได้ที่กระจายกันออกไปในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ปัจจุบัน มากกว่าหนึ่งในสามของรายได้ค่าธรรมเนียมบริการของกลุ่มมาจากธุรกิจนอกทวีปยุโรป โดยรายได้จากภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกมีอัตราการเติบโตสูงสุดอยู่ที่ 22.6% ในปีงบ 2561/2562 คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15% ของรายได้รวม


“ทุกวันนี้ เรารับหน้าที่ผู้สอบบัญชีให้กับลูกค้าที่เป็นกิจการที่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (Public Interest Entities: PIEs) อยู่เกือบ 2,000 รายทั่วโลกและกว่า 30% ของบริษัทจดทะเบียนในฝรั่งเศสก็เป็นลูกค้าเรา ในประเทศจีน เราให้บริการบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่อยู่เกือบ 140 แห่ง นอกจากนี้ เรายังให้บริการกับลูกค้าที่เป็นธุรกิจเอกชนและธุรกิจครอบครัวมากกว่า 50,000 ราย ซึ่งมีทั้งลูกค้าบุคคล ลูกค้าที่เป็นธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงบริษัทข้ามชาติเก่าแก่อีกด้วย”


ปัจจุบัน ถึงแม้ว่าธุรกิจผู้สอบบัญชีมีสัดส่วนอยู่เกือบ 50% กลุ่มบริษัทมาซาร์ส ยังคงเดินหน้าพัฒนาการบริการในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องควบคู่กันไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงพัฒนาความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับงานผู้สอบบัญชีและระบบควบคุมคุณภาพ ทั้งนี้เพื่อช่วยให้วงการธุรกิจผู้สอบบัญชีพัฒนาอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน


สำหรับธุรกิจในประเทศไทย ร็อบ ฮูเรนคัมป์ ประธานกรรมบริษัท มาซาร์ส ประเทศไทย กล่าวว่าบริษัทตั้งเป้าจะเติบโตขึ้นเป็นอันดับ 5 ในประเทศไทยจากปัจจุบันที่ประมาณอันดับ 6 ในตลาด ภายในสี่ปีข้างหน้า (2567)


ในแง่รายได้มาซาร์ส ประเทศไทยตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายได้และจำนวนลูกค้าเฉลี่ยปีละประมาณ 11% เท่ากับอัตราการเติบโตในปีที่ผ่านมาซึ่งสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของอุตสาหกรรม


อย่างไรก็ดี การชิงส่วนแบ่งตลาดจากเจ้าตลาดอย่างบิ๊กโฟร์ที่ถือครองตลาดถึง 95% แน่นอนที่ไม่ใช่เรื่องทำได้ง่าย แต่เขาบอกว่าได้มองเห็นช่องว่างในตลาดที่บริษัทสามารถแทรกตัวเข้าไปได้ จากการที่ธุรกิจบิ๊กโฟร์มีขนาดใหญ่และดำเนินงานแบบต่างสาขาต่างทำธุรกิจ ทำให้บริษัทมีความได้เปรียบเรื่องความคล่องตัวในการประสานงานให้กับลูกค้าที่ต้องการลงทุนข้ามชาติ


ในระหว่างสถานการณ์โควิด-19  ร็อบกล่าวว่าทุกธุรกิจทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบถ้วนหน้ามากน้อยต่างกันไป แต่ในวิกฤติยังมีโอกาส บางธุรกิจ เช่น ธุรกิจท่องเที่ยวและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบหนักที่สุด ขณะที่ธุรกิจดิจิทัลและสื่อสารกลับเติบโตอย่างมาก ดังนั้น ผู้ประกอบการอาจมองหาธุรกิจใหม่ที่มีโอกาสเติบโตสูง

อีกทั้งยังให้คำแนะนำว่าในระหว่างนี้ ธุรกิจต่าง ๆ ต้องปรับตัวรับภัยโควิดออกเป็นระยะ โดยระยะเร่งด่วนให้คำนึงถึงกระแสเงินสดเป็นหลัก ต่อจากนั้น ก็จะเข้าสู่ระยะของการปรับโครงสร้างธุรกิจซึ่งเน้นการวางแผนกลยุทธ์ที่จะช่วยให้ธุรกิจไปรอด