Sideways Down

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้

คาดดัชนีฯ Sideways Down แนวต้าน 1220 / 1230 จุด แนวรับ 1205 / 1195 จุด แม้สัญญาณเทคนิครายวันเกิดสัญญาณฟื้นตัว (จุดปิดสูงกว่าจุดต่ำสุดมาก) แต่คาดว่าจะหนุนดัชนีฯ ไปได้ไม่เกิน 1220 / 1230 จุด หุ้นแนะนำเก็งกำไร แนะนำ PSL RCL JWD SCC ปัจจัยบวก คือ การคาดว่าสหรัฐฯ จะรายงานเชิงบวกต่อ 3Q20E GDP (คาด +30% QoQ) และผลกำไรกลุ่มเทคโนโลยี FAANG (ประกาศพรุ่งนี้) ปัจจัยลบ คือ ความเสี่ยงของเหตุชุมนุมในประเทศที่อาจเกิดความรุนแรง และการระบาดของ COVID-19 ในยุโรป สหรัฐฯ ส่งผลให้ต้องมีการล็อกดาวน์ประเทศ

ประเด็นที่มีผลต่อตลาดวันนี้

         1) ประธานสภาเสนอตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ หลังสิ้นสุดการประชุมรัฐสภา 2 วัน ส่วนฝ่ายค้านยืนยันให้นายกฯ เสียสละลาออก (-ตลาดหุ้นไทย)

         2) ลุ้นผลกำไร 3Q20E บจ. สหรัฐฯ (วันนี้ Ford และพรุ่งนี้ กลุ่มเทคโนโลยี FAANG) และบจ. ไทย (วันนี้ SCGP พรุ่งนี้ PTTEP SCC)

         3) รายงาน 3Q20E GDP สหรัฐฯ วันพรุ่งนี้ คาดว่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ (คาดเติบโตสูงถึง 30% QoQ) ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ Earnings-Deutsche Bank, Nomura, Ford / Canada-ผลประชุมธนาคารกลาง คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.25%

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

+/- ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวมาปิดบวกเล็กน้อย: ดัชนีฯ ลงไปต่ำสุดที่ 1197.74 จุด ก่อนรีบาวด์ขึ้นมาปิดที่ระดับ 1208.95 จุด +0.98 จุด วอลุ่มเบาบาง 4.57 หมื่นล้านบาท นำขึ้นโดย กลุ่มวัสดุก่อสร้าง +1.54% เงินทุนและหลักทรัพย์ +1.25% พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ +0.8% โดยหุ้นบวก >4% BANPU HMPRO ASIAN COTTO KK APURE SMPC CCET SUN NRF SAPPE SPACK CPW หุ้นลบ >4% AS BGC SEAFCO GGC

- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดคละ ส่วนยุโรปร่วงต่อเนื่อง: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดคละ DJIA -0.8% S&P500 -0.3% Nasdaq +0.64% หลังจากโฆษกทำเนียบขาวออกมายอมรับว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ไม่สามารถเกิดได้ เพราะข้อเสนอของนางเพโลซีที่มากเกินไป และการผิดหวังต่อผลกำไรกลุ่มอุตสาหกรรมที่แย่กว่าคาด Boeing Caterpillar 3M Pfizer ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีมีแรงซื้อเข้ามาหนุนตลาดหุ้นแนสแดค เพื่อลุ้นรายงานผลกำไรที่จะประกาศวันพรุ่งนี้ ส่วนตลาดหุ้นยุโรปดิ่งต่อเนื่อง DAX -0.93% CAC40 -1.77% FTSE -1.09% โดยเยอรมนีเป็นประเทศล่าสุดที่มีแผนว่าจะ ล็อกดาวน์บางส่วน เพื่อควบคุมการระบาด ซึ่งคาดว่าจะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มท่องเที่ยวและการเดินทาง

+ น้ำมันดิบและทองคำปิดบวก: Brent +USD 0.74 ปิดที่ USD41.20/บาร์เรล WTI +USD1.01 ปิดที่ USD39.57/บาร์เรล รับข่าวการผลิตในอ่าวเม็กซิโกลดลงไป 16% จากพายุเฮอริเคนซีต้าเตรียมพัดผ่านเข้าอ่าวเม็กซิโก 1-2 วันนี้ ส่วนทองคำปิดขึ้นต่อเนื่อง + USD6.20 ปิดที่USD1,911.90/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของ USD หลังจากรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค. ลดลง (100.3 Vs เดือน ก.ย. 101.3)

ประเด็นสำคัญ

- การเมือง: ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคาวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับสมาชิกภาพส.ส. สิ้นสุดลงด้วยเหตุถือครองหุ้นสื่อ จานวน 64 ราย วันนี้ เวลาบ่ายสามโมง โดยมีส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกร้อง จานวน 7 ราย

+/- การเมือง: ประธานสภา ชวน หลีกภัย ให้ศึกษาตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์หาทางออกให้ประเทศ โดยให้วิป 3 ฝ่ายเป็นคนพิจารณา แต่พรรคฝ่ายค้านเห็นว่าเป็นการตั้งเพื่อเป็นกันชนให้รัฐบาลเท่านั้น หวังลดกระแสต่อต้าน

+ เกาหลีใต้: รายงาน 3Q20 GDP เติบโต -1.3% YoY, +1.9% QoQ ดีขึ้นและดีกว่าคาดการณ์ของตลาด (Vs คาด -1.9% YoY, +1.7% QoQ และ 2Q20 -2.7% YoY, -3.2% QoQ)

+ มาตรการคนละครึ่ง: คลัง เผยประชาชนลงทะเบียน ณ วันที่ 26 ต.ค. กว่า 9.4 ล้านคน ร้านค้าลงทะเบียนกว่า 3.8 แสนร้านค้า มียอดใช้จ่ายสะสม 704 ล้านบาท

+ OIL: พายุเฮอริเคนซีด้า ความรุนแรงระดับ 1 จะพัดเข้าชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกภายในวันพฤหัสบดีนี้ ส่งผลให้การผลิตน้ำมัน 16% ในอ่าวเม็กซิโกจำเป็นต้องหยุดชั่วคราว

+ Japan: อนุมัติกฎหมายฯ ซื้อวัคซีน COVID-19 ให้กับพลเมืองชาวญี่ปุ่นทุกคน ตลอดจนการจ่ายเงินชดเชยให้กับ Supplier หากเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง จำนวน 6.714 แสนล้านเยน (6.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

+ กลุ่มถ่านหิน: ข่าวการสไตรค์ของพนักงานในเหมืองถ่านหินขนาดใหญ่ที่สุดของโคลอมเบีย ส่งผลให้ราคาถ่านหินโลกปรับตัวสูงขึ้น หลังจากต้นเดือน ต.ค. ลงไปต่ำสุดรอบหนึ่งเดือนที่ USD54/ตัน +0.86% WTD

+/- SCGP/TCAP/ERW: ตลาดหลักทรัพย์ฯ แจ้งนำหุ้น SCGP เข้าคำนวณดัชนี SET 50/SET100 Index มีผลตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. เป็นต้นไป และนำ TCAP/ERW  ออกจาก SET50/SET100 ไปอยู่ในหลักทรัพย์สำรอง ตามลำดับ

กลยุท์ธการลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: HANA PSL WICE

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: PSL RCL JWD SCC

Derivatives: ทยอยปิด Short S50Z20 เพื่อทำกำไรทั้งหมดบริเวณ 750-755 จุด (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน KTZ-D Report)