คลายเครียดจาก 'ข่าว'

คลายเครียดจาก 'ข่าว'

เปิด 3 วิธีคลายเครียดจากการ "เสพข่าว" มากเกินไปจากข่าวสารที่ออกมามากขึ้น โดยเฉพาะปัจจุบันมีหลายช่องทางที่จะทำให้ผู้คนได้เสพอย่างรวดเร็วอย่างโซเชียลมีเดีย โดย 3 วิธีนี้สามารถทำได้ด้วยตัวเองง่ายๆ

เชื่อว่าในช่วงที่ผ่านมาคนไทยจำนวนหนึ่งจะรู้สึกเครียดเมื่อได้เสพข่าวทั้งผ่านสื่อหลักและสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น ผู้ใหญ่หลายๆ ท่านก็ถึงขั้นความดันโลหิตขึ้นกันเลยเมื่อเห็นภาพข่าวต่างๆ ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย

แต่พบว่าปัจจุบันคนทั่วโลกต่างเกิดอาการเครียดจากการเสพข่าวผ่านทางช่องทางต่างๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข่าวเหตุการณ์ประท้วงตามประเทศต่างๆ หรือข่าวสถานการณ์โควิดในโลกตะวันตกที่ดูเหมือนจะเริ่มกลับมารุนแรงขึ้นอีกครั้ง เรียกได้ว่าในช่วงหลายๆ เดือนที่ผ่านมาจะไม่ค่อยมีข่าวดีๆ ให้ได้ร่วมยินดีกันเท่าใด

ทำให้เริ่มมีคำแนะนำถึงวิธีการคลายเครียดจากการเสพรับข่าวสารต่างๆ กันออกมามากขึ้น นอกเหนือจากวิธีการพื้นฐาน เช่น การสูดลมหายใจลึกๆ การทำสมาธิหรือการปิดกั้นไม่เสพข่าวไปเลย วิธีการต่างๆ เหล่านี้ก็ผ่านการพิสูจน์ด้วยกระบวนการวิจัยและทดลองมาแล้ว ได้แก่

1.การย้อนกลับไปดูรายการทีวีหรือละครเก่าๆ ที่เคยเป็นที่โปรดปรานในอดีต ถ้าเป็นซีรีส์ต่างประเทศ หลายๆ คนอาจจะนึกถึง Friends หรือถ้าเป็นรุ่นโบราณหน่อยก็อาจจะเป็น Cheers หรือ The Brady Bunch สำหรับของไทยนั้นก็จะเป็นละครหรือภาพยนตร์ที่ดารานำในยุคนั้น พัฒนามารับบทปู่ย่าหรือพ่อแม่ในปัจจุบันกันหมด บางบ้านที่ชอบหนังกำลังภายในอาจจะนึกถึงมังกรหยกยุคอง เหม่ยหลิน เป็นนางเอก หรือ ชอลิ้วเฮียง สมัยเจิ้น เส้าชิวเป็นพระเอกก็ได้

มีงานวิจัยที่พบว่าการย้อนดูรายการทีวีในอดีต จะช่วยตอบสนองความต้องการของคนในการแสวงหาสิ่งที่คุ้นเคยในอดีต หรือที่เรียกว่า Nostalgia การแสวงหาอดีตนั้นจะทำให้คนเกิดความสงบ ปลอดภัยและได้ย้อนถึงวันเวลาในอดีตที่ไม่วุ่นวายเท่าในปัจจุบัน เมื่อใดก็ตามที่เกิดความเครียด ความกังวล หรือรู้สึกถึงความวุ่นวายต่างๆ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม การได้มีโอกาสย้อนกลับไปสู่อดีต จะช่วยทำให้จิตใจของคนเกิดความสงบขึ้น เปรียบเสมือนได้กลับสู่อ้อมกอดของคุณพ่อคุณแม่อีกครั้ง

2.การเข้าครัวทำอาหาร ดูแลทำความสะอาดบ้าน เนื่องจากเมื่อเกิดความเครียดเกิดขึ้น สมองจะคิดและชอบจินตนาการและมโนในเรื่องต่างๆ ไปเองตลอดเวลา ดังนั้น กิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าครัวทำอาหารและขนม หรือการทำความสะอาดบ้าน จะเป็นกิจกรรมที่ช่วยทำให้จิตใจสงบลง (คล้ายๆ กับการทำสมาธิ) นอกจากนี้กิจกรรมเหล่านี้ยังทำให้เกิดความรู้สึกว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ รวมทั้งเห็นถึงความสำเร็จของความพยายามหรือกิจกรรมที่ทำ

มีแนวคิดที่ว่าการทำอาหารหรือขนมก็เปรียบเสมือนกับการทำสมาธิอย่างหนึ่ง ทำให้สามารถปล่อยวางหรือไม่สนใจต่อข่าวสารต่างๆ ที่ทำให้เกิดความเครียด และมุ่งเน้นอยู่เฉพาะงานทำอาหารหรือขนมที่อยู่ตรงหน้า

ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมช่วงที่ประเทศไทยต้องปิดตัวเองเนื่องจากโควิด จึงมีหลายๆ คนหันมาเข้าครัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพราะชอบ เป็นงานอดิเรกหรือช่วยในการหารายได้พิเศษ แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือช่วยให้เกิดความสงบ มุ่งมั่น มีสมาธิ และหยุดรับรู้ข่าวที่ไม่เป็นมงคลต่างๆ ไปได้ชั่วคราว จนในต่างประเทศคำว่า #quanrantinebaking ถึงโด่งดังขึ้นมา

3.การอาบน้ำร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าได้แช่น้ำร้อนในอ่างจะยิ่งดีใหญ่ การวิจัยพบว่าน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น จะช่วยการหายใจให้ดีขึ้น เนื่องจากน้ำร้อนจะช่วยขยายปอดและการรับออกซิเจนเข้าไปในปอด ขณะเดียวกันยังช่วยลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจ ควบคุมน้ำตาลในเลือดและลดความดันโลหิต ที่น่าสนใจเข้าไปอีกคือพบว่าการได้แช่น้ำร้อนเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ช่วยร่างกายเผาผลาญแคลอรีไปเท่ากับการเดิน 30 นาทีเลยทีเดียว เนื่องจากน้ำร้อนทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น

สำหรับที่เกี่ยวข้องกับความเครียดนั้น เมื่อเกิดความเครียดขึ้น กล้ามเนื้อของเราจะเกร็งขึ้น ขณะที่การมีโอกาสได้แช่น้ำร้อนจะช่วยคลายการเกร็งของกล้ามเนื้อและลดอาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเนื่องจากความเครียด

ทั้งสามวิธีการข้างต้นเป็นแนวทางง่ายๆ ที่จะช่วยลดความเครียดที่กำลังเกิดขึ้นขึ้นกับหลายๆ คนจากการเสพข่าวที่ไม่เป็นมงคลมากเกินไป และเป็นสิ่งที่สามารถเริ่มต้นทำได้ง่ายๆ ด้วยตนเองที่บ้าน