ราคาหุ้น ‘ไมเนอร์’ สุดต้าน โควิดระรอก 3 ลามยุโรป

ราคาหุ้น ‘ไมเนอร์’ สุดต้าน   โควิดระรอก 3 ลามยุโรป

ท่ามกลางซีกโลกตะวันตกเผชิญการเพิ่มขึ้นของตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ไวรัสโควิด-19 จนกลายเป็นสถิติใหม่รายวัน ยิ่งเข้าสู่ฤดูหนาวทำให้การติดเชื้อมีสิทธิ์เร่งตัวขึ้นได้

ส่งผลข้ามทวีปมายังหุ้นโรงแรมที่ลงทุนทั่วโลก บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT อีกครั้งจนราคาหุ้นวานนี้ (27 ต.ค.)ปรับตัวลงลงมากถึง 3.37 % มาปิดที่ 17.20 บาท

ปัจจัยลบที่มีผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวในช่วงไตรมาส 3 ปี 2563 ควรจะเบาบางลง เพราะในไทยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงจนกลายเป็นศูนย์ได้สำเร็จ ส่วนในเอเชียได้ผ่านการติดเชื้อระรอก 2 ไปแล้วในหลายประเทศจนต้องมีการประกาศล็อกดาวน์

หากแต่ตรงกันข้ามกับหลายประเทศในโซนยุโรปและสหรัฐกลับมีตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งขึ้นแบบรายวัน และยังทำสถิติใหม่ขึ้นไปอีก ซึ่งจากตัวเลขทำให้มองว่าเป็นการติดเชื้อระรอก 3 ด้วยซ้ำ

ปัจจุบันจากตัวเลขการเก็บสถิติผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ทั่วโลกในรอบแรกทำตัวเลขสูงสุดที่ 8 หมื่นคนต่อวัน ส่วนในช่วงรอบ 2 ทำสถิติสูงสุดที่ 2.6 แสนคนต่อวัน และล่าสุดรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่มาทำสถิติที่ 4.9 แสนคนต่อวัน (24 ต.ค.) จนทำให้กลายเป็นการติดเชื้อรอบที่ 3

สถานการณ์ดังกล่าวมีความรุนแรงมากในพื้นที่ยุโรป-สหรัฐ ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือ คอร์ฟิว ห้ามออกนอกเคหสถาน ทั้ง ฝรั่งเศส ในเมืองใหญ่ ตั้งแต่ 18 ต.ค. ส่วนเบลเยี่ยม กับสเปนประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ตั้งแต่ 18 ต.ค. และยังมีประเทศใหม่ๆที่เพิ่มมาตรการเข้มงวด คือนอร์เวย์ และสาธารณรัฐเซ็ก

เมื่อหันมาดูพอร์ตเฉพาะธุรกิจโรงแรมของ ไมเนอร์ ที่บริหารผ่าน ไมเนอร์ โฮเทลส์ และ เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป กระจายทั้งในยุโรปมีสัดส่วนรายได้มากที่สุด 64 % รองลงมา ไทย 14 % ตามมาด้วยสหรัฐ 6 % ที่ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ 6 % มัลดีฟส์ –ตะวันออกกลาง 3 % ที่เหลือ อื่นๆ อีก 7%

ตามสัดส่วนรายได้ในโซนยุโรปที่มากที่สุดเมื่อรวมกับลาตินอเมริกา มีรายได้ปี 2562 รวม 2,418 ล้านยูโร มีจำนวนโรงแรม 369 แห่ง มีจำนวนห้องพักมากถึง 57,720 ห้อง ซึ่งอัตราการเข้าพักอยู่ที่ระดับ 70 % จากรายได้เฉลี่ยต่อห้อง 74 ยูโร

โดย ไมเนอร์ มีทั้งโรงแรมที่ ลงทุนเองและเช่าบริหารมากสุด 86 % ซึ่งในจำนวนนี้รวมของ เอ็นเอช โฮลเทล เข้าไปด้วยหลังซื้อกิจการเข้ามาด้วยมูลค่า มูลค่า 7,405 ล้านบาท และต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดภายหลัง จนถือหุ้น 94 % ซึ่งเป็นลักษณะบั๊ดเจ็คโฮลเทล มีรายได้หลักจากสเปน 27 % มากสุดคือกรุงมาริด 7 %

ผลกระทบความสำคัญคือรายได้ของเอ็นเอช โฮลเทล สิ้นปี 2562 นั้นคิดเป็น 50 % ของรายได้รวมของ ไมเนอร์ เฉพาะการประกาศล็อกดาวน์รอบแรกในช่วงมี.ค. ในยุโรปรวมทั้งสเปน นานถึง 6 สัปดาห์ ส่งผลกระทบรุนแรงต่อราคาหุ้นของ MINT

ปัจจุบันสถานการณ์ในยุโรปจากที่ไม่เข้มงวดเท่ากับช่วงมี.ค. กลับมาใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งแน่นอนว่าจะกระทบต่อผลการดำเนินงานของ MINT เต็มในช่วงไตรมาส 4 จากเดิมที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวบ้างในไตรมาส 3 และค่อยๆดีขึ้นในปีหน้า

หลังไตรมาส 2 เป็นจุดต่ำสุดที่ตอบรับข่าวลบทั้งการพลิกมาขาดทุน 8,447 ล้านบาท และครึ่งปีแรกขาดทุน 10,221 ล้านบาท การลดต้นทุนขนานใหญ่ ลดคนและค่าใช้จ่าย รวมไปถึงการเพิ่มทุนออกหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ เพื่อให้ได้เงินสดในมือ 25,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามการตั้งรับของ MINT สามารถประคองตัวเองเพื่อดเอาตัวรอดในปีนี้ไปได้ เพราะต้องไม่ลืมว่ายังมีธุรกิจอาหารและไลฟสไตล์ ที่พอจะช่วยกระจายความเสี่ยงของรายได้ด้านโรงแรมที่ได้รับผลกระทบหนักในช่วงนี้แต่จะเห็นตัวเลขกลับมามีกำไรคงต้องใช้ระยะเวลาอีกนาน