ถอดรหัส 'นาซา' พบ 'น้ำ' บนดวงจันทร์มากแค่ไหน?
นับเป็นอีกหนึ่งข่าวดีของมวลมนุษยชาติก็ว่าได้ เมื่อ “นาซา” (NASA) ประกาศว่า ดวงจันทร์อาจมี “น้ำ” มากกว่าที่คาดไว้ ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่สนับสนุนแผนสร้างอาณานิคมแห่งใหม่ของมนุษย์ แล้วแหล่งน้ำที่ว่านี้มีมากเพียงพอต่อการดำรงชีพหรือไม่
เมื่อคืนวันจันทร์ (26 ต.ค.) ตามเวลาไทย องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ หรือ นาซา แถลงผลการศึกษา 2 ชิ้นที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Astronomy พร้อมกับคณะนักวิจัย ซึ่งยืนยันการค้นพบสัญญาณของโมเลกุลน้ำ (H2O) บนดวงจันทร์ และอาจเพิ่มความเป็นไปได้ในการใช้ชีวิตบนดาวบริวารของโลกในอนาคต
ผลวิจัยชิ้นแรกอ้างอิงข้อมูลจากโครงการหอสังเกตการณ์ลอยฟ้า “โซเฟีย” (SOFIA) ที่นาซาร่วมมือกับศูนย์อวกาศเยอรมนี โดยใช้เครื่องบินโบอิง 747SP ที่ติดตั้งกล้องโทรทรรศน์ขนาด 2.7 เมตรและเครื่องตรวจจับรังสีอินฟาเรด บินเก็บข้อมูลดาราศาสตร์
ส่วนผลวิจัยชิ้นที่สองอ้างอิงข้อมูลที่รวบรวมโดยยานอวกาศสำรวจดวงจันทร์ หรือ แอลอาร์โอ (Lunar Reconnaissance Orbiter: LRO) ของนาซาที่โคจรรอบดวงจันทร์ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2552
“นี่เป็นครั้งแรกที่สามารถยืนยันการมีอยู่ของน้ำบนพื้นผิวดวงจันทร์ด้านที่แสงอาทิตย์ส่องถึง” พอล เฮิร์ตซ ผู้อำนวยการแผนกดาราศาสตร์ฟิสิกส์ของนาซาเผย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: 'SOFIA' พบน้ำบนพื้นผิวของ 'ดวงจันทร์'
เดิมนั้น บรรดานักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีน้ำอยู่บนดวงจันทร์ในสภาพของน้ำแข็ง และถูกกักไว้ในหลุมอุกกาบาตที่กระจายอยู่ตามด้านมืดของดวงจันทร์
นักวิจัยคาดว่า ด้านสว่างของดวงจันทร์สามารถมีอุณหภูมิพื้นผิวสูงถึง 127 องศาเซลเซียส ขณะที่ด้านมืดสามารถมีอุณหภูมิต่ำถึง -173 องศาเซลเซียส ก่อนหน้านี้จึงคาดกันว่าอาจ “ไม่มีน้ำหลงเหลือ” อยู่บนพื้นผิวของดวงจันทร์ด้านที่แสงอาทิตย์ส่องถึงแล้ว
ขณะที่การค้นพบล่าสุดของโซเฟียยืนยันว่า พบโมเลกุลน้ำซึ่งไม่ใช่ไฮดรอกซิล ในหลุมอุกกาบาตบริเวณเส้นละติจูดทางใต้ของดวงจันทร์ โดยถูกกักอยู่ในสภาพ “เม็ดแก้วเล็กๆ” และยังค้นพบว่าบนดวงจันทร์มีน้ำถึง 100 ถึง 412 ส่วนในล้านส่วน (ppm) ซึ่งเพจ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ระบุว่า เทียบเท่ากับน้ำหนึ่งขวดต่อพื้นผิวดวงจันทร์ทุกๆ 1 ลูกบาศก์เมตร
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า การจะนำโมเลกุลน้ำที่อยู่ในสภาพแก้วมาใช้ ยากกว่าการแปรสภาพน้ำแข็งให้เป็นน้ำค่อนข้างมาก
นอกจากเรื่องสภาพของโมเลกุลน้ำแล้ว นักวิจัยยังพบว่า แหล่งน้ำส่วนใหญ่บนพื้นผิว อาจซุกซ่อนอยู่ในแผ่นน้ำแข็งเล็กๆ ในด้านมืดของดวงจันทร์
“ถ้าคุณจินตนาการว่ากำลังยืนบนพื้นผิวดวงจันทร์บริเวณใกล้กับขั้วเหนือหรือขั้วใต้ คุณจะเห็นหลุมอุกกาบาตที่มืดมิดอยู่รายรอบ หลายหลุมมืดที่คุณเห็นอาจเต็มไปด้วยน้ำแข็ง” พอล เฮย์น หัวหน้าคณะนักวิจัยที่ค้นพบ กล่าว
นอกจากนี้ นักวิจัยคาดการณ์ว่า ดวงจันทร์อาจมีพื้นที่ที่อาจกักโมเลกุลน้ำกว้างประมาณ 38,850 ตารางกิโลเมตร จากที่เคยคาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าอาจมีพื้นที่แหล่งน้ำประมาณ 18,130 ตารางกิโลเมตร หรือน้อยกว่าข้อมูลล่าสุดถึงครึ่งหนึ่ง
หรือหากเทียบกับภูมิภาคของประเทศไทย พื้นที่ที่อาจเป็นแหล่งน้ำบนดวงจันทร์จะกว้างใหญ่กว่าภาคตะวันออก ซึ่งมีเนื้อที่ราว 34,380 ตารางกิโลเมตร
“ถ้าเราคำนวณถูกต้อง บนดวงจันทร์จะมีทรัพยากรน้ำที่เข้าถึงได้มากขึ้น ทั้งเป็นน้ำดื่ม เชื้อเพลิงจรวด และทุกสิ่งอย่างที่นาซาจำเป็นต้องใช้น้ำประกอบ” เฮย์น เผย
ด้วยความที่พื้นที่แหล่งน้ำและปริมาณน้ำที่เป็นไปได้บนดวงจันทร์ มากกว่าที่นักวิทยาศาสตร์สมัยก่อนคาดการณ์ไว้ จึงมีความเป็นไปได้ที่วิทยาการของมนุษย์จะสกัดเอาน้ำจากพื้นที่ขนาดใหญ่นี้ มาใช้ในการยังชีพสำหรับนักบินอวกาศในโครงการสำรวจดวงจันทร์หรือมนุษย์ที่จะไปตั้งอาณานิคมบนดวงจันทร์ในอนาคต
------------------------------
