หุ้นไทยจ่อหลุด1,200จุด ‘ยูโอบี’ชี้เป็นจังหวะซื้อ

หุ้นไทยจ่อหลุด1,200จุด  ‘ยูโอบี’ชี้เป็นจังหวะซื้อ

“บลจ.ยูโอบี” เผยปัจจัยการเมืองกดดันหุ้นไทยมีโอกาสหลุด 1,200 จุด ชี้ หากเกิดความรุนแรงดิ่งแตะ 1,000 จุด แนะ เป็นจังหวะดีนักลงทุนระยะยาวเข้าซื้อหุ้น “กลุ่มอาหาร -อุปโภคบริโภคในประเทศ - กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน-กองทุนประหยัดภาษี” เพื่อรับผลตอบแทนดีระยะยาว

นายกุลฉัตร จันทวิมล รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี จำกัด หรือ UOBAM เปิดเผยว่า สำหรับมุมมองการลงทุนหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ มีความผันผวนสูง และมีโอกาสปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1,200 จุดได้ จากปัจจัยการเมืองในประเทศที่กดดัน  ซึ่งหากเกิดความรุนแรงเกิดขึ้นมีโอกาสที่ดัชนีลดลงแตะระดับ1,000 จุด โดยบริษัทประเมินว่าหากดัชนีตลาดต่ำกว่า1,200จุดนั้นเป็นโอกาสที่ นักลงทุนระยะยาวทยอยเข้าสะสม เพราะ มองว่าในอนาคตดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าปัจจุบันแน่นอน และนับเป็นจังหวะรับผลตอบแทนในช่วงวัยเกษียณ

สำหรับกลุ่มหุ้นที่แนะนำคือ กลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เช่น อาหาร อุปโภคบริโภคในประเทศ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราสตรักเจอร์) รวมถึงการลงทุนในกองทุนประหยัดภาษี เช่น กองทุนเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ส่วนกลุ่มหุ้นท่องเที่ยวเช่น โรงแรม สายการบิน และส่งออก ที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ยังควรหลีกเลี่ยง เพราะ ปัจจุบันยังไม่เห็นการฟื้นตัวชัดเจน รวมถึงกลุ่มแบงก์ยังต้องรอดูความชัดเจนของหนี้เสียหลังมาตรการแบงก์ชาติยืดหนี้เฉพาะรายกรณี

 " สิ้นปีนี้ยังมีโอกาสที่ดัชนีตลาดปรับขึ้นไปที่ระดับ 1,300 จุด หากสถานการณ์การเมืองในประเทศคลี่คลายมีข้อตกลงกันได้ และเศรษฐกิจไทยมีทิศทางฟื้นตัวตั้งแต่ในปีหน้าจนถึงกลางปี2565 

ทั้งนี้การจัดพอร์ตลงทุนในช่วงที่เหลือปีนี้ หากเป็นผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงระดับปานกลาง-สูง ควรมีสัดส่วนหุ้นไทยและหุ้นโลก 50% ตราสารหนี้25% และการลงทุนทางเลือก เช่นอสังหาฯ ทองคำ น้ำมัน อีก25% สามารถทำผลตอบแทนคาดหวังระดับ10% บวกลบ ต่อปี แต่หากเป็นผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงระดับต่ำ ควรมีสัดส่วนหุ้นไทยและหุ้นโลกไม่เกิน10% ตราสารหนี้50-70% และการลงทุนทางเลือก เช่น อสังหาฯ 10-20% สามารถทำผลตอบแทนคาดหวังระดับ5% บวกลบต่อปี 

สำหรับแผนออกกองทุนใหม่ในช่วงที่เหลือของปีนี้ นายกุลฉัตร กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการจัดตั้งกองทุนเปิด ยูไนเต็ด ไชน่า เอ แชร์ อินโนเวชั่น ฟันด์ (UCI) มูลค่า2,000ล้านบาท และกองทุนเปิด ยูไนเต็ด ซัสแทนเนเบิลอิควิตี้ โซลูชั่น ฟันด์ (USUS) มูลค่ากองทุน 2,000 ล้านบาท ที่เตรียมขายในเร็วๆนี้