วายดีเอ็ม เน้นผูกพันธมิตร พลิกกระบวนท่า หนีโฆษณาดิจิทัลติดลบ! 

วายดีเอ็ม เน้นผูกพันธมิตร  พลิกกระบวนท่า หนีโฆษณาดิจิทัลติดลบ! 

ปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องของปากท้องเป็นสิ่งที่ประชาชนกังวลกันมาก ยิ่งโควิด-19 ทุบธุรกิจเสียหาย รายได้ลด ต้องลด เลิกจ้างพนักงาน กระเทือน “อำนาจซื้อ” ผู้บริโภค เมื่อไม่มีเงินจับจ่ายใช้สอย “ยอดขาย” หดตัว สุดท้ายแบรนด์แตะเบรกชะลอใช้จ่ายเงินโฆษณา

นีลเส็น รายงานการใช้จ่ายเงินผ่านสื่อโฆษณาเดือนก..หดตัว 10% รวม 9 เดือน ตลาดยังติดลบ 16% ขณะที่สื่อโฆษณาดิจิทัลปีนี้ เดิมทีเป็นความหวังจะเติบโต แต่ธุรกิจพังทั้งกระดาน จึงเห็นการปรับประมาณการโต 0.5% ทว่าเดือนกันยายน ตัวเลขอยู่ใน Red Zone ติดลบ 4%

ทั้งปีอุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัลคาดว่าจะติดลบ ซึ่งถือเป็นสถานการณ์แย่สุดของโฆษณาดิจิทัลในรอบ 10 ปี เพราะตัวเลขเราไม่เคยติดลบมาก่อน ทั้งที่เราอยู่ในเซ็กชั่นที่ดีสุดของอุตสาหกรรมโฆษณา”   ธนพล    ทรัพย์สมบูรณ์     ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด คาดคะเนตลาด พร้อมให้เห็นผลว่าแบรนด์สินค้าและบริการทุกหมวดหมู่ชะลอใช้จ่ายเงินโฆษณาตั้งแต่ไวรัสร้ายระบาด

ส่วนไตรมาส 4 ที่คาดว่าจะฟื้นตัว ก็ยังไม่เห็นสัญญาณ โดยเฉพาะความต้องการ(Demand)ของผู้บริโภค ทั้งกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์ และไตรมาส 4 จะยิ่งเห็นสถานการณ์ความเป็นจริงของตลาดที่หดตัว จากไตรมาส 2-3 ค่อนข้างทรงตัว จากดีมานด์การซื้อสินค้าตุนไว้มหาศาลเป็นตัวหลอก

ทั้งนี้ โอกาสไม่ได้หายไปทั้งหมด เพราะตลาดพรีเมี่ยม หรือจับกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคมั่งคั่งกำลังซื้อสูงยังคงมี ทำให้บรรดาสินค้าความงามระดับลักชัวรี่และมีอาวุธการตลาดดิจิทัลพร้อม ยังทำเงินได้ ส่วนอีกกลุ่มที่กำลังซื้อน้อย สินค้าราคาต่ำมากๆก็เป็นอีกทางเลือก

เศรษฐกิจ โควิดที่ว่าแย่ โค้งสุดท้ายปี 63 ผู้ประกอบการต้องเผชิญปัจจัยการชุมนุมทางการเมือง ทำให้บางเซ็กเมนต์อาจได้รับผลกระทบ ซึ่งต้องเจาะลึกเป็นหมวดๆไป

ท่ามกลางความเปราะบางรอบด้าน จะทำการตลาดดิจิทัลอย่างไรให้สร้างยอดขาย จังหวะนี้ ธนพล ขอปรับกระบวนท่า เน้นกลยุทธ์ความร่วมมือ(Collaboration)กับพันธมิตรเพื่อรอดแพ็คคู่(Win-Win strategy) ดึงจุดแข็งของกันและกัน เพื่อสร้างสรรค์โมเดลธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งที่ผ่านมา วายดีเอ็มฯ ผนึกทั้งเอ็มคอตหรือช่อง 9 อสมท ลุยทีวีโฮมชอปปิง ร่วมกับไร้ท์แมน ลุยงานอีเวนท์ออนไลน์เวอร์ชวล โซลูชั่นเล็งจับมือกับแกรมมี่ผุดโปรเจคใหม่ หารายได้

เรามองหาพันธมิตรเคลื่อนธุรกิจ ตอนนี้คนไม่มีเงินแต่เรามีแรง นำแรงที่มีมาช่วยกันทำงาน อะไรที่เคยเป็นต้นทุนเปลี่ยนมาร่วมมือกันหารายได้แบ่งกัน(Revenue sharing) ซึ่งกลยุทธ์นี้นำไปใช้ได้กับหลายธุรกิจ ไม่แค่สื่อโฆษณาดิจิทัล

การหาโมเดลธุรกิจใหม่ ยังเป็นการหารายได้เข้ามาสม่ำเสมอ สร้างการเติบโตระยะยาวด้วย เทียบกับงานการตลาดดิจิทัลเหมือนหนูถีบจักรโปรเจคจบต้องหาใหม่เสริมทัพ การปรับตัวครั้งนี้จึงหวังธุรกิจใหม่ทำรายได้เกิน 50% จากปัจจุบันราว 10%

เป็นการมองการณ์ไกล เพราะรายได้ธุรกิจใหม่ที่มี 10% ไม่สามารถช่วยให้เรารอดปีนี้ได้

ส่วนการทำตลาดดิจิทัลโค้งสุดท้าย ลูกค้าทุกรายได้ล้วนโฟกัสผลลัพธ์ด้านยอดขาย ทำให้ทุกหมวดสินค้าเน้นโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม เพื่อปั๊มยอด ที่สำคัญยังเป็นการระบายสต๊อกแลกกับ กระแสเงินสด” ไว้

บางธุรกิจจำเป็นต้องมีกระแสเงินสดมากๆ ช่วงนี้โปรโมชั่นจึงเป็นสิ่งจำเป็น อีกทั้งสต๊อกสินค้าไว้มีแต่จมเงิน สู้อัดโปรโมชั่นตัดขายสินค้า ตุนเงินสดไว้ดีกว่า เพราะหากเราไม่ตัดขายสินค้า คู่แข่งตัดราคาขาย เราก็ตายเหมือนกัน ตอนนี้คิดกลยุทธ์การตลาดท่าปกติไม่ได้

สถานการณ์ตลาดโฆษณาแย่ทั้งอุตสาหกรรม ทำให้ภาพรวมรายได้บริษัทปีนี้หดตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากปีก่อนปิดรายได้ราว 500 ล้านบาท แต่ในแง่ความสามารถทำกำไรยังดีจากการปรับตัวตลอดเวลา

ตอนต้นปีเราเปิดตัวมาสวย เติบโตหลายเท่าตัว เดิมคิดว่าจะเป็นปีทอง จนโควิด-19 ระบาด ทุกอย่างเปลี่ยนหมด ปีนี้ไม่ขาดทุนก็ถือว่าพอใจแล้ว