'โหรฟองสนาน' เผย 'ดวงเมือง' กับลีลาดาวจรแห่งความอึดอัด-คลี่คลาย

'โหรฟองสนาน' เผย 'ดวงเมือง' กับลีลาดาวจรแห่งความอึดอัด-คลี่คลาย

"โหรฟองสนาน" เผย "ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์" กับลีลาดาวจรแห่งความอึดอัด-คลี่คลาย ทักดวง "ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ระหว่างนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา อยู่ในช่วงมหาอึดอัด หรือมหาถูกบีบ

"โหรฟองสนาน"  เปิดเผยคำทำนายในบทความ  แม่หมอสมัครเล่นตอนที่ 347  โดยฟองสนาน จามรจันทร์ ช่วงความอึดอัดในเมืองรอบนี้เริ่มลดลง "ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์" กับลีลาดาวจรแห่งความอึดอัด-คลี่คลาย
พระเสาร์จร 7 และพระพฤหัสบดีจร 5 ที่ราศีธนูตรึงกำลัง-ผลัดกันรุก-รับในราศีธนูระหว่าง 17 กรกฎาคม 2563-14 พฤศจิกายน 2563
พระพฤหัสบดีจร 5 เริ่มเดินนำเข้าราศีมังกรตั้งแต่ 14 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป
ยังจำกันได้หรือไม่ที่ผู้ก่อนหน้านี้เขียนขอให้คนไทยช่วยกันพาเมืองผ่านพ้นช่วง10 กันยายน 2563 ไปให้ถึงอย่างต่ำ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เพราะทางโหรมีเกณฑ์ร้ายหลายอย่างที่สะสมพลังพร้อมจะเกิดขึ้นชนิดคาดไม่ถึง
บัดนี้อาการต่าง ๆ ได้เกิดแล้วแม้ยากจะอธิบายแต่ผู้เขียนจะค่อย ๆ แกะปรากฎการณ์ออกมาเป็นตอน ๆ เริ่มด้วยปรากฏการณ์อึดอัดใจในเมืองคือ
1.ลางของการเกิดอาการอึดอัดใจเหมือนคนท้องอืด หัวร่อมิออก ร่ำไห้ไม่ได้ รอบนี้เริ่มก่อตัวมาตั้งแต่ประมาณ 17 กรกฎาคม 2563 เมื่อพฤหัสบดีหัวหน้าดาวดีหรือพระสยามเทวาธิราชที่เดินอยู่ในราศีธนูตรึงกำลังหรือที่ทางโหรเรียกสมาสัปต์กับพระเสาร์หัวหน้าดาวร้าย ตัวซวยของเมืองที่เดินอยู่ในราศีธนูด้วย(ตามรูปพระเสาร์จร 7 ทับพฤหัสบดีดวงเดิม๕ และพฤหัสบดีจร 5 ทับพระเสาร์ดวงเดิม ๗) อาการตรึงกำลังของหัวหน้าดาวดี-ร้ายนี้ หากพบในดวงชะตาคน ผู้เขียนจะเตือนให้ระวังว่าจะพบความอึดอัดใจหัว-อกแทบระเบิดเพราะ ถูกบีบให้เดินในทางแคบ ๆ ที่ไม่อยากเดินแต่จำเป็นต้องเดิน หรือบางครั้งเลือกทางเดินเองไม่ได้แต่คนอื่นเลือกให้ก็มี กว่าจะผ่านพ้นไปได้แทบปางตาย
ตัวอย่างที่ครอบครัวผู้เขียนเองเคยพบประสบการณ์นี้ในดวงชะตาของสมาชิกในครอบครัวระดับมีทางเลือก 24 ทาง เลือกไม่ได้แม้แต่ทางเดียวอึดอัดเหมือนม่านดำคลุมบ้าน พูดไม่ออกบอกไม่ถูก สุดท้ายเมื่อดาวสองดวงหยุดตรึงกำลังกันปรากฏว่า ไปได้ทางที่ 25 ที่ไม่ได้เลือก ซึ่งอาการเช่นนั้นผู้เขียนเข็ดไม่ขอพบเจออีกแล้ว
ส่วนใน "ดวงเมือง" เมื่อดาวสองขั้วตรึงกำลังเช่นนี้เกิดการสู้กันสองฝ่าย แถมผลัดกันรุก-รับไม่มีใครยอมใครตามลีลาของราศีธนูที่เป็นดินแดนความเชื่อ-อุดมคติ-กฎหมาย-รัฐธรรมนูญของเมือง ผลคือมีการต้อสู้ดุเดือดให้อึดอัดใจยิ่งเกี่ยวกับอุดมการณ์ประชาธิปไตยและสถาบันหลักของชาติโดยมีเกณฑ์อื่นร่วมเกิดด้วยช่วยผสมโรง คือ
2. นานมาแล้วตั้งแต่ประมาณมีนาคม 2559 มฤตยูจร(0) ดาวแห่งภัยอาเพศ-การปฏิวัติ-นักปฎิวัติ-ความล้ำเลิศหรือวิตถาร(เป็นได้ทั้งสองอย่าง)เดินอยู่ในราศีเมษทับลัคนาและพระอาทิตย์(๑) ดาวจิตใจและคนวัยรุ่น(พระอาทิตย์-ตัวแทนภพปุตตะ) ของเมืองผลคือนักปฎิวัติวัยรุ่นจึงซ่องสุมพลังกันเต็มเมือง ด้วยเครื่องมือสื่อสารอันล้ำสมัย (มฤตยูดวงเดิมดวงเมืองอยู่ในภพที่สาม-สหัชชะ) รอวันระเบิดคือ
ครั้นตั้งแต่ประมาณ 10 กันยายน 2563 เป็นต้นมาดาวมฤตยูเริ่มเดินผิดปกติ หรือทางโหรเรียกวิกลคติแบบถอยหลัง หรือพักร การอยู่แต่ในโลกโซเชียลเสมือนจริงจึงพลิกพากันลงถนนชนิดเอาเป็นเอาตาย- ด่าจริง -ก้าวร้าวจริง จะเอาการปฏิวัติสยาม 2475 คืนมา(อาการดาวถอยหลัง) เช่นมาในนามคณะราษฎร 2563
เกณฑ์ดาวมฤตยูเดินถอยหลังนี้จะยาวไปถึงวันที่ 1 มกราคม 2564 จึงจะกลับมาเดินปกติจึงเชื่อว่านักปฏิวัติสยามย้อนอดีตทั้งหลายคงหาทางไปเรื่อย ๆจนถึงวันนั้น ก่อนจะกลับมาปฏิวัติแบบเดินหน้ากันต่อไป (ถึง 8 กรกฎาคม 2565)
160361214564
3. เคราะห์ซ้ำกรรมการซัดวันเดียวกันนั้นคือ 10 กันยายน2563 พระราหูศรีจร(8) ย้ายจากราศีมิถุนที่ให้คุณดวงเมือง เข้าไปเดินในราศีพฤษภ-ทำให้ดวงเมืองแตกเป็นราหูค้นทรัพย์
ส่วนดีของพระราหูศรีจรที่นำหน้าลัคนาเมืองก็มี แต่ส่วนร้ายคือ คนบางส่วนถูกชักนำได้ง่ายแบบไม่มีสติ จากคนที่ต่างประเทศ(พระราหู)ชักนำ เกิดอาการของพระหูเต็มเมืองคือก้าวร้าว โหวกเหวก หยาบคาย ตะโกนด่า ไล่ล่าคนที่เห็นต่าง ใช้อารมณ์น้ำหน้าเหตุผล
4. ปรากฏการณ์หมูท้าชนราชสีห์ในเมืองเริ่มประมาณ 10 ตุลาคม 2563 (พระอังคารกาลกิณีจรเดินถอยหลังในราศีมีนทับพระราหูดวงเดิม) เช่นมีการท้าทายสถาบันชนิดที่คนเกิดหลังสงครามโลกไม่เคยเห็นมาก่อน เกณฑ์นี้จะเป็นไปถึงประมาณ28 ธันวาคม 2563  เมื่อเกณฑ์ร้ายหลายชนิดเกิดเมืองเช่นนี้ ต่อไปนี้คือการที่คาดว่าจะเป็นต่อไป
ก.หลังจากผลัดกันรุกไล่มานาน ครั้นเมื่อที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ประมาณเที่ยงวันพระเสาร์จร(7) กับพฤหัสบดีจร(5) กุมหรือร่วมกันสนิทองศา ทำให้เกิดเรื่องใหญ่คือการประกาศเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรงของพลเอกประยุทธ จันทร์อาชานายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหม เรียกร้องให้ทุกฝ่ายถอยคนละก้าว เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญให้หารือหาทางออกกัน พร้อมกับการเริ่มเกิดของคนที่จงรักภักดีใส่เสื้อเหลืองที่เริ่มตั้งหลักได้(หลังจากพฤหัสบดีจรถูกล่ามานาน) เริ่มที่ชลบุรี-นราธิวาสและลามไปทั่วประเทศ
ข. ครั้นตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไปฝ่ายหัวหน้าดาวดีคือพระพฤหัสบดีจรจะเป็นฝ่ายค่อยๆ เดินล้ำหน้าฝ่ายหัวหน้าดาวร้ายคือพระเสาร์จร ยาวนานไปยี่สิบปีกว่าจะมาพันตูในลักษณะนี้อีกครั้ง (มีลักษณะอื่น)
ค. ผลของหัวหน้าดาวดีเริ่มนำหัวหน้าดาวร้ายนี้คาดว่าจะมีการค่อย ๆ นำมาตรการทางกฎหมาย-กระบวนการยุติธรรมมาใช้รับมือความขัดแย้งแบบหวังดี- เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ตามอาการของพฤหัสบดี อีกทั้งการเปิดหารือกันในรัฐสภาที่พฤหัสบดีเป็นตัวแทนอยู่ก็เป็นหนึ่งในอาการที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เพียงแต่จะเห็นผลทันทีคงไม่ได้ ต้องรออาการดีขึ้นทุกองศาที่ดาวสองดวงนี้แยกจากกัน
5. อาการความอึดอัดใจรอบนี้ที่ จะเริ่มจางไปตั้งแต่ 14 พฤศจิกายน 2563 เมื่อการตรึงกันของดาวสองขั้วสิ้นสุดลง(พฤหัสบดีจรเดินหน้าย้ายราศีจากธนูเข้ามังกร)
ทั้งนี้ รวมทั้งดวงชะตาของผู้นำรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยที่ต้องฝ่านด่านไปให้ถึง เพราะระหว่างนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงมหาอึดอัด หรือมหาถูกบีบ(ลัคนามังกร)
อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าแม้จะเริ่มโล่งขึ้น แต่เกณฑ์ร้ายอื่นในดวงเมืองอื่นยังรอเกิดอยู่ที่จะต้องฟันฝ่าไปให้ถึงประมาณสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 เป็นอย่างต่ำ สำหรับรอบนี้
หากจะให้สบายกันบ้างผู้เขียนเห็นว่าดวงเมืองรัตนโกสินทร์นี้ถูกออกแบบมาให้รอดเสมอ ขนาดศึกเก้าทัพยังพ่ายแพ้อาถรรพ์ถอยทัพกลับไปเอง(หลังจากสู้เต็มที่แบบใจหายใจคว่ำแล้ว) หรืออังกฤษกับ ฝรั่งเศส ช่วยกันรุมทึ้งสยามก็แค่ทรุด
อีกทั้งทุกวิกฤตที่เกิดขึ้นเมืองจะมีโอกาสดี ๆ ตาม (อาการดวงชะตาเมืองแบบกรรไกรหนีบแล้วคลายออก)ซึ่งจะได้บอกในตอนต่อ ๆ ไป
ตอนหน้าจะคาดหมายว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลัง 14 พฤศจิกายน 2563 เมื่อหัวหน้าดาวดี-ร้ายเริ่มหยุดตรึงกัน
ฟองสนาน จามรจันทร์
23 ตุลาคม 2563