‘ดาวโจนส์’บวก 152 จุด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 152.84 จุด หรือ 0.54% ปิดที่ 28,363.66 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 17.93 จุด หรือ 0.52% ปิดที่ 3,453.49 จุด และดัชนีแนสแด็กเพิ่มขึ้น 21.31 จุด หรือ 0.19% ปิดที่ 11,506.01 จุด

ทั้งนี้ นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาสหรัฐ กล่าวว่า การเจรจาระหว่างพรรคเดโมแครตและทำเนียบขาวเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ กำลังมีความคืบหน้า และคาดว่าสภาคองเกรสจะสามารถออกกฎหมายเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในไม่ช้า

“เรากำลังมีความคืบหน้า และใกล้บรรลุข้อตกลง” นางเพโลซีกล่าว

นางเพโลซีระบุว่า ทั้งสองฝ่ายสามารถลดความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการสนับสนุนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการให้ความช่วยเหลือมลรัฐต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด

นอกจากนี้ นางเพโลซียังเปิดเผยว่า การเจรจายังรวมถึงการลดหย่อนภาษีให้แก่ชาวสหรัฐที่มีรายได้น้อยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

ด้านนางอลิสซา ฟาราห์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวเช่นกันว่า “ขณะนี้เรามีความเชื่อมั่นมากที่สุดเกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลง”

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการดีเบตรอบสุดท้ายระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จากพรรครีพับลิกัน และนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครตในวันนี้เวลา 21.00-22.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับเช้าวันพรุ่งนี้เวลา 08.00-09.30 น.ตามเวลาไทย

ในการดีเบตรอบแรก ปธน.ทรัมป์ใช้วิธีการพูดสอดแทรกเพื่อขัดจังหวะการกล่าวของนายไบเดน ซึ่งก็ได้ประสบความสำเร็จ แต่ก็สร้างความเบื่อหน่ายต่อชาวอเมริกันโดยทั่วไป ทำให้ในการดีเบตรอบสุดท้ายนี้ คณะกรรมการจัดการดีเบตให้อำนาจพิธีกรในการปิดเสียงของผู้เข้าร่วมดีเบต ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งกำลังกล่าวอยู่

อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์ได้เตรียมรับมือกฎกติกาใหม่ดังกล่าวในการดีเบตครั้งนี้ ด้วยการเลือกที่จะตอบในสิ่งที่อยากตอบ รวมทั้งการเปิดแผลของนายไบเดนเกี่ยวกับการทำธุรกิจในจีนและยูเครนของนายฮันเตอร์ ซึ่งเป็นลูกชายของนายไบเดน

ด้านโฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ปธน.ทรัมป์มีแผนที่จะกล่าวในสิ่งที่เขาเห็นว่ามีความสำคัญ โดยไม่สนใจว่าผู้ดำเนินรายการจะตั้งคำถามอะไร

“ท่านประธานาธิบดีจะตอบคำถามที่ท่านอยากตอบ ถ้าพิธีกรไม่ถามเรื่องเกี่ยวกับจีน ท่านก็จะพูดเรื่องของจีน รวมทั้งประวัติอื้อฉาวของคุณไบเดน” นางฟาราห์กล่าว พร้อมทั้งบอกว่า ปธน.ทรัมป์จะกล่าวเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐด้วย

ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 787,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 875,000 ราย หลังจากอยู่ที่ระดับ 842,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกต่ำกว่าระดับ 1 ล้านรายเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน หลังจากพุ่งเหนือระดับ 1 ล้านรายเป็นเวลานาน 5 เดือน นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเดือนมี.ค.

ด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (เอ็นเออาร์) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองดีดตัวขึ้น 9.5% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 2.4% ในเดือนส.ค.