โควิดฉุดท่องเที่ยว9เดือน รายได้วูบ 1.57 ล้านล้าน

โควิดฉุดท่องเที่ยว9เดือน รายได้วูบ 1.57 ล้านล้าน

วิกฤติโควิดฉุดรายได้ท่องเที่ยว9เดือนแรกปี63ลดฮวบ 1.57 ล้านล้านบาท “พิพัฒน์”เผย39นักท่องเที่ยวจีนวีซ่าพิเศษSTVกลุ่มแรกบินเข้าไทยผลตรวจเป็นลบ ไม่พบเชื้อโควิด ส่วนใหญ่เตรียมเที่ยวทะเลภูเก็ตหลังกักตัวครบ14วันที่โรงแรมกักตัวทางเลือกหรือASQในกรุงเทพฯ

หลังจากนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทยด้วยวีซ่าประเภทพิเศษ (SpecialTouristVISA:STV) กลุ่มแรกมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันที่20ต.ค.ที่ผ่านมา สิ่งที่หลายฝ่ายจับตาคือผลตรวจหาเชื้อโควิด-19ที่สนามบินฯว่าออกมาเป็นลบไม่พบผู้ติดเชื้อทั้งหมดหรือไม่ และหลังจากเข้ากักตัวครบ14วันตามมาตรฐานสาธารณสุขของไทยต้องรับการตรวจหาเชื้ออีกครั้ง เพื่อยืนยันความมั่นใจช่วยคลายความกังวลแก่คนไทยถึงจะสามารถเดินหน้าเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างจำกัดในสเต็ปต่อไป

ตรวจทัวริสต์จีนกลุ่มแรกไม่พบเชื้อ

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า สำหรับนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทยด้วยวีซ่าประเภทพิเศษ(STV)กลุ่มแรกจำนวน39คนซึ่งเดินทางจากนครเซี่ยงไฮ้ถึงสนามบินสุวรรณภูมิกรุงเทพฯเมื่อวันที่20ต.ค.ที่ผ่านมาพบว่าผลตรวจหาเชื้อโควิดที่สนามบินฯ“เป็นลบทั้งหมด”ไม่พบผู้ติดเชื้อ

หลังจากนี้จะมีนักท่องเที่ยวจีนอีก2กลุ่มเดินทางเข้าไทยโดยกลุ่มที่2จำนวน147คนจะเดินทางจากนครกว่างโจวสู่กรุงเทพฯบินลงสนามบินสุวรรณภูมิเช่นกันในวันที่26ต.ค.นี้และกลุ่มที่3จะเดินทางเข้าไทยวันที่28ต.ค.นี้ยังรอการยืนยันจำนวนที่แน่นอนแต่เมื่อรวมทั้ง3กลุ่มตลอดเดือนต.ค.นี้มียอดนักท่องเที่ยวจีนรวมประมาณ300คนส่วนนักท่องเที่ยวจากยุโรปจะเดินทางจากกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียในเดือนพ.ย.นี้

เตรียมเที่ยวภูเก็ตหลังกักตัวที่กรุงเทพฯครบ14วัน

รมว.การท่องเที่ยวฯกล่าวเพิ่มเติมว่านักท่องเที่ยวจีนสองกลุ่มแรกที่เดินทางเข้าไทยพบว่าส่วนใหญ่ต้องการจะเดินทางท่องเที่ยวที่ภูเก็ตหลังจากต้องเข้ากักตัวในห้องพักของโรงแรมที่เป็นสถานกักกันทางเลือกของรัฐ(AlternativeStateQuarantine:ASQ)ในกรุงเทพฯครบ14วันก่อนตามมาตรฐานด้านสาธารณสุขของไทยประกอบกับช่วงนี้เข้าสู่เทศกาลกินเจแล้วทำให้ยังไม่สามารถบินตรงเข้าภูเก็ตได้เลย เนื่องจากมีการจัดงานภายในจังหวัดทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯจึงปรับแผนเลือกให้นักท่องเที่ยวจีนกักตัวภายในกรุงเทพฯก่อนโดยจะมีโปรแกรมให้นักท่องเที่ยวได้ทำคลายเหงาและแก้เบื่อระหว่างกักตัวเช่นโยคะและจัดคอนเสิร์ตริมระเบียงห้องพักเป็นต้น

“ส่วนข้อเสนอที่มีการขอให้ลดจำนวนวันกักตัวจาก14วันเหลือ7วันมองว่าต้องรอติดตามผลการเปิดรับนักท่องเที่ยวล็อตแรกที่เดินทางจากประเทศจีนและกลุ่มสแกนดิเนเวียตั้งแต่วันที่20ต.ค.-2พ.ย.นี้ที่จะเดินทางเข้าไทยประมาณ400กว่าคนว่ามีความปลอดภัยจากโรคโควิด-19 มากน้อยเพียงใดควบคู่กับการดูความพร้อมของกระทรวงสาธารณสุขกระทรวงการท่องเที่ยวฯการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)และศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.)”

กลุ่มSTVเกาหลี-ญี่ปุ่นเล็งบินพ.ย.นี้

ด้านนักท่องเที่ยวล็อตต่อไปคาดว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวจากยุโรปสหรัฐเกาหลีญี่ปุ่นและจีนโดยได้แจ้งความประสงค์เบื้องต้นว่าต้องการเดินทางไปจ.ชลบุรีภูเก็ตพังงาและกระบี่ทำให้หลังจากนี้กระทรวงการท่องเที่ยวฯต้องประสานพูดคุยกับทางจังหวัดดังกล่าวให้ผู้ประกอบการโรงแรมสมัครเข้ารับการตรวจประเมินเป็นโรงแรมASQและALSQเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้นนอกจากนี้ยังประเมินด้วยว่าในปี2564จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยราว5-10ล้านคน

นายยุทธศักดิ์สุภสรผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)กล่าวเสริมว่าขณะนี้ททท.กำลังร่วมมือกับการบินไทยดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มSTVเข้าไทยเพิ่มมากขึ้นในเดือนพ.ย.นี้โดยนอกเหนือจากจีนและยุโรปแล้วยังเล็งดึงนักท่องเที่ยวจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงโรคโควิด-19ต่ำจากประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีเพิ่มเติมด้วย

รายได้ท่องเที่ยว9เดือนแรกลดฮวบ1.57ลลบ.

นายพิพัฒน์รมว.การท่องเที่ยวฯกล่าวว่าด้านสถานการณ์ท่องเที่ยวประเทศไทยโดยรวมในช่วง9เดือนแรก(ม.ค.–ก.ย.)ของปี2563มีรายได้จากการท่องเที่ยวโดยรวม6.55แสนล้านบาทลดลง1.57ล้านล้านบาทหรือคิดเป็น70.57%จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาโดยลดลงจากทั้งตลาดต่างประเทศและตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศซึ่งเป็นผลมาจากการระบาดของโรคโควิด-19จนทำให้มีการระงับการเดินทางทั่วโลก

 

ทั้งนี้แบ่งเป็นจํานวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาประเทศไทยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 6.69 ล้านคน ลดลง 22.77 ล้านคน หรือคิดเป็น 77.29% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีรายได้เท่ากับ 3.32 แสนล้านบาท ลดลง 1.10 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 76.77% ของช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวไทย มีผู้เดินทางทั้งสิ้น 52.71 ล้านคน-คร้ัง ลดลง 63.57 ล้านคน-ครั้ง หรือคิดเป็น 54.67% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีเม็ดเงินที่เกิดขึ้นจากการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว 3.23 แสนล้านบาท ลดลง 4.74 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 59.46% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

อัตราเข้าพักก.ย.ฟื้นตัวแต่ช้า

สำหรับอัตราการเข้าพักของสถานพักแรม แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่ต่อเนื่องอย่างช้าๆ และการท่องเที่ยวในเมืองรอง (ที่ส่วนใหญ่เป็นเมืองขนาดเล็ก) ฟื้นตัวในอัตราที่สูงกว่าเมืองหลัก โดยอัตราเข้าพักรวมของเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 27.93% ของจำนวนห้องพักทั้งหมด ดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อย้อนกลับไปเดือน ส.ค.อยู่ที่ 26.93% เดือน ก.ค. 25.41% เดือน มิ.ย.13.43% เดือน พ.ค. อยู่ที่ 3.83% และที่ต่ำสุดของปีนี้คือเดือน เม.ย.อยู่ที่ 2.26% ที่เริ่มต้นการล็อกดาวน์ประเทศจากการระบาดของโควิด-19

ขณะที่ช่วงต้นปีซึ่งยังไม่มีปัญหาการแพร่ระบาดในประเทศ ในเดือนม.ค.มีอัตราพัก 77.97% ต่อมาเมื่อเริ่มมีการติดเชื้อในประเทศ เริ่มมีการระงับการเดินทางของนักท่องเที่ยวในเดือน ก.พ.อัตราการเข้าพักเริ่มลดลงเหลือ 58.39% และเดือน มี.ค. ลดลงเหลือ 20.82% ก่อนไปต่ำสุดในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา

ไฟลต์บินสู่นครศรีฯฮิตติดท็อป5

ด้านท่าอากาศยานภูมิภาคที่มีเที่ยวบินมากที่สุด 5 อันดับแรกในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา กระจายตัวในเกือบทุกภูมิภาคโดยเชียงใหม่มีจำนวนเที่ยวบินสูงเป็นอันดับที่ 1 จำนวน 3,382 เที่ยวบิน รองลงมา ได้แก่ ภูเก็ต 2,160 เที่ยวบิน หาดใหญ่ 2,101 เที่ยวบิน นครศรีธรรมราช 1,584 เที่ยวบิน และอุดรธานี 1,425 เที่ยวบิน