อวสานมหากาพย์หวย 30 ล้าน... 'ศาล' ชี้ 'ครูปรีชา' ไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

อวสานมหากาพย์หวย 30 ล้าน... 'ศาล' ชี้ 'ครูปรีชา' ไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

อวสานมหากาพย์หวย 30 ล้าน ที่ยืดเยื้อมานานถึง 3 ปี ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องยืนตามศาลชั้นต้น เห็นว่า "ครูปรีชา" ไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง "หมวดจรูญ" เตรียมฟ้องกลับทุกคนที่เกี่ยวข้องคดีนี้

จากกรณีสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย. 60 หมายเลข 533726 ซึ่งทาง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือ หมวดจรูญ อดีตข้าราชการตำรวจ สภ.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี เป็นผู้นำสลากฯ จำนวน 1 ชุด 5 ใบ เป็นเงินจำนวน 30 ล้านบาท ไปขึ้นเงินรางวัลที่กองสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยนำเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาจังหวัดกาญจนบุรี แต่เมื่อหักภาษีแล้วเหลือเงินเข้าบัญชี จำนวน 29,850,000 ล้านบาท โดยหมวดจรูญได้เบิกเงินออกมาจากธนาคารเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย จำนวน 5,500,000 บาท ยังคงเหลือเงินอยู่ในบัญชีธนาคารอีก จำนวน 24,350,000 บาท

แต่ในที่สุดหมวดจรูญ ถูก นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทพมงคลรังษี ยื่นฟ้องแพ่ง ซึ่งศาลประทับรับฟ้องในคดีหมายเลขดำที่ พ.1230/60 จากนั้นส่งคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้มีคำสั่งอายัดเงินในบัญชีของหมวดจรูญที่เหลืออยู่เอาไว้ทั้งหมด

นอกจากคดีแพ่ง นายปรีชา ยังยื่นฟ้องคดีอาญาต่อหมวดจรูญอีก 1 คดี ศาลได้ประทับรับฟ้องในคดีอาญาหมายเลขดำ ที่ อ.1863/61 ข้อหายักยอกทรัพย์ รับของโจร แต่ในที่สุดวันที่ 4 มิ.ย. 62 ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้อง หมวดจรูญ ในคดีอาญา โดยพิพากษาว่า “ไม่ใช่ทรัพย์สินของโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย พิพากษายกฟ้อง ส่วนเงินที่อยู่ในบัญชี หมวดจรูญ วิมูล ได้ดำเนินการปิดบัญชีไปแล้ว

หลังจาก ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ครูปรีชา พร้อมทนายความ ได้ต่อสู้คดีด้วยการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 7 ครั้งแรกศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้นัดคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย มาฟังคำพิพากษาในวันที่ 21 ม.ค. 64 แต่ปรากฏว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้เลื่อนให้คู่กรณีมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ในคดีหมายเลขดำที่ อ 1863/2561 คดีหมายเลขแดงที่ อ 1416/2562 ให้เร็วขึ้น จากวันที่ 21 ม.ค. 64 มาเป็นวันที่ 20 ต.ค. 2563 เวลา 09.00 น. เร็วขึ้น 3 เดือน

เมื่อเวลา 08.40 น. วานนี้ (20 ต.ค. 63) ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ (จำเลย) พร้อมด้วย นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ทนายความส่วนตัวได้เดินทางมาถึงศาล โดยมี นางลาวัลย์ วิมูล นายอาคม คงสวัสดิ์ ทนายความ พร้อมทีมทนาย เดินทางมายังศาลจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่บัลลังก์ 7 ซึ่งคาดว่าการอ่านคำพิพากษาต้องใช้เวลานานประมาณ 2-3 ชั่วโมงจึงจะทราบผล ว่าจะยืนยกฟ้องตามศาลชั้นต้น หรือจะพิจารณาว่าดีมีมูล

ในขณะที่ นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา (โจทก์) ได้เดิงทางมาถึงศาล โดยครั้งนี้ นายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายความส่วนตัวไม่ได้เดินทางมาด้วย แต่ได้ส่งทีมทนายความเดินทางมาแทน ขณะเดียวกัน นางสาวรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น และ นางสาวพัชริดา พรมตา หรือ เจ๊พัช ได้เดินทางมาให้กำลังใจครูปรีชาด้วยเช่นกัน ขาดเพียง นางปณัญชยา สุขผล หรือเจ๊เกี่ยว พยานปากสำคัญเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ศาลจึงกำหนดจำนวนผู้เข้าร่วมรับฟังคำพิพากษาในคดีดังกล่าวไว้ด้วย โดยอนุญาตให้ทนายความฝ่ายละ 3 คน ผู้ติดตามฝ่ายละ 9 คน (รวมโจทก์และจำเลย) และผู้สื่อข่าว 2 คน เข้าร่วมรับฟังเท่านั้น

นอกจากนี้ก็ไม่อนุญาตให้นำเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดเข้ามาภายในห้องพิจารณา ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอ่านนานพอสมควร

หลักการ หากศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำพิพากษายกฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือ หมวดจรูญ ทาง ครูปรีชา สามารถยื่นฎีกาได้ แต่จะต้องได้รับการรับรองจากศาลชั้นต้น 2 ท่าน ศาลอุทธรณ์ 3 ท่าน โดยหาก 1 ใน 5 ท่าน เซ็นรับรองฎีกาก็สามารถฎีกาได้ แต่ส่วนใหญ่คดีในทำนองนี้ศาลจะไม่รับพิจารณา หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป

โดยเวลา 10.50 น. ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น เนื่องจากศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าโจทก์ (นายปรีชา) ไม่ใช่ผู้เสียหายจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนั้นศาลอุทธรณ์จึงเห็นด้วยกับศาลชั้นต้นพิพากษายืน

ทั้งนี้ ทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายส่วนตัวหมวดจรูญ กล่าวหลังฟังคำพิพากษาของศาลว่า ศาลเน้นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เอามาพิพากษาหมดเลย เชื่อมโยงกับหลักฐานที่ทางกองปราบได้จำลองเหตุการณ์ ขณะครูปรีชาเดินทางมาตลาดภายในเวลา 20 นาที ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ ถึงตอนนี้คดีหวย 30 ล้าน มันจบแล้ว

ขณะที่ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือ หมวดจรูญ กล่าวเพียงสั้นๆว่า เตรียมฟ้องกลับทุกคนที่ให้ร้ายกับตนในคดีหวย 30 ล้าน