‘ดาวโจนส์’ปิดทะยาน 113 จุด

‘ดาวโจนส์’ปิดทะยาน 113 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันอังคาร (20ต.ค.)ทะยาน 113 จุด ขานรับเดโมแครต-ทำเนียบขาวใกล้บรรลุข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวรัฐบาลสหรัฐอาจอนุญาตให้บ.โมเดอร์นาใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เป็นกรณีฉุกเฉินในเดือนธ.ค.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 113.37 จุด หรือ 0.40% ปิดที่ 28,308.79 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 16.20 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 3,443.12 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 37.61 จุด หรือ 0.33% ปิดที่ 11,516.49 จุด

ราคาหุ้นบริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (พีแอนด์จี) พุ่งขึ้นกว่า 2% หลังเปิดเผยกำไรและรายได้ในเดือนก.ค.-ก.ย. ซึ่งเป็นไตรมาส 1 ตามปีงบการเงินของบริษัท สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยได้อานิสงส์จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้ผู้บริโภคแห่ซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัท

พีแอนด์จี เปิดเผยกำไรที่ระดับ 1.63 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.42 ดอลลาร์/หุ้น และมีรายได้ 1.932 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.838 หมื่นล้านดอลลาร์

ด้านนางเพโลซีกล่าวว่า พรรคเดโมแครตและทำเนียบขาวใกล้จะบรรลุข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ก่อนที่ตนจะสนทนาทางโทรศัพท์กับนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ในวันนี้

แต่นางเพโลซี ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อกำหนดเส้นตายที่มีการประกาศก่อนหน้านี้เพื่อให้มีการบรรลุข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจภายในวันนี้ โดยนางเพโลซีส่งสัญญาณว่าการเจรจาจะยังคงดำเนินต่อไป

นางเพโลซี ระบุว่า การที่จะให้สภาคองเกรสออกกฎหมายว่าด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เสร็จก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย. สมาชิกสภาคองเกรสจะต้องมีการบรรลุข้อตกลง และมีการเขียนร่างกฎหมายภายในสัปดาห์นี้

“ไม่ได้หมายความว่าวันนี้คือวันที่เราจะได้ข้อตกลง แต่เป็นวันที่เราจะสามารถมีความเห็นร่วมกันเกี่ยวกับเงื่อนไขของเราเพื่อไปสู่ขั้นตอนต่อไป” นางเพโลซีกล่าว

ก่อนหน้านี้ นางเพโลซีได้กำหนดเส้นตาย 48 ชั่วโมงสำหรับการบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งเส้นตายดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในวันนี้ เพื่อให้สภาคองเกรสมีเวลาเตรียมการสำหรับการผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย. ซึ่งขณะนี้เหลือเวลาเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น

ล่าสุด ทำเนียบขาวได้เสนอเพิ่มวงเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสู่ระดับ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ก็ยังต่ำกว่าที่พรรคเดโมแครตเสนอที่ระดับ 2.2 ล้านล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการดีเบตรอบที่ 3 ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน และนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ จากพรรคเดโมแครต ในวันพฤหัสบดีที่ 22 ต.ค.เวลา 21.00-22.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับเช้าวันศุกร์ที่ 23 ต.ค.เวลา 08.00-09.30 น.ตามเวลาไทย

การดีเบตดังกล่าวมีขึ้น ขณะที่ผลสำรวจของทุกสำนักโพลล์ต่างฟันธงว่าไบเดนจะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้

การดีเบตในครั้งนี้จะมีขึ้นที่มหาวิทยาลัยเบลมอนต์ในเมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี โดยมีคริสเทน เวลเกอร์เป็นพิธีกร ส่วนหัวข้อในการแสดงวิสัยทัศน์ในการดีเบตรอบนี้ ได้แก่ การแก้ปัญหาโควิด-19, ภาวะการเป็นผู้นำสหรัฐ, ความขัดแย้งด้านเชื้อชาติในสหรัฐ, การแก้ไขปัญหาโลกร้อน รวมทั้งประเด็นด้านความมั่นคงแห่งชาติ และภาคครัวเรือนในสหรัฐ

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนก.ย. สู่ระดับ 1.415 ล้านยูนิต แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.457 ล้านยูนิต จากระดับ 1.388 ล้านยูนิตในเดือนส.ค.

ทั้งนี้ ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้นทุกภูมิภาค ยกเว้นในเขตมิดเวสต์ และตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยวพุ่งขึ้น 8.5% สู่ระดับ 1.108 ล้านยูนิต ส่วนการก่อสร้างบ้านสำหรับหลายครอบครัว ซึ่งรวมถึงอพาร์ทเมนท์และคอนโดมิเนียม ดิ่งลง 16.3% สู่ระดับ 307,000 ยูนิต ขณะที่การอนุญาตก่อสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 5.2% สู่ระดับ 1.553 ล้านยูนิต