TMBตั้งสำรองฯเพิ่ม6.8พันล้าน

TMBตั้งสำรองฯเพิ่ม6.8พันล้าน

 TMBไตรมาส 3/63 มีกำไร 1,618.90 ล้านบาท ลดลง 23.3% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน หลังรายได้ค่าธรรมเนียมหด พร้อมตั้งสำรองเพิ่ม6.8พันล้าน เหตุ เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูง ส่วน 9 เดือนกำไรยังโต 58.3% หลังรับรู้ผลควบรวมธนาคารธนชาต

นางประภาศิริ โฆษิตธนากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB  เปิดเผยว่า ไตรมาส 3 ปี 2563 มีกำไรสุทธิ 1,618.90 ล้านบาท หรือลดลง 23.3% จากช่วงเดียวกันก่อนที่ทำได้ 2,111 ล้านบาท และลดลง 47% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่ลดลง หลังรายได้ค่าธรรมเนียมลูกค้าธุรกิจยังคงชะลอตัวตามสภาพเศรษฐกิจที่หดตัวจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประกอบกับการตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) เพิ่มขึ้นเป็น 6,863 ล้านบาท หรือ +137.2% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน ตามการคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตและ management overlay ภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่ถดถอย

ทั้งนี้ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 13,227 ล้านบาท เพิ่มขึ้น113.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการจัดการต้นทุนทางการเงินที่ดีและปริมาณเงินฝากลดลง ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง 33.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 34% ตามการขยายตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมลูกค้ารายย่อยโดยเฉพาะรายได้ค่าธรรมเนียมกองทุนรวม เนื่องจากการยกเว้นค่าธรรมเนียมกองทุนรวมในการให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบสิ้นสุดลงและการเปิดตัว IPO กองทุนรวมใหม่ในไตรมาสนี้ ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมแบงก์แอสชัวรันส์เพิ่มขึ้นเล็กน้อย นอกจากนี้รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อปรับตัวดีขึ้น

ขณะที่สำหรับงวด 9 เดือนปี 2563 มีกำไร 8,877 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 58.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 5,607 ล้านบาท เพราะ รายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 114.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยจากการให้เช่าซื้อและสัญญาเช่าการเงินจากการรวมงบการเงินกับธนาคารธนชาต และรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อซึ่งเพิ่มขึ้น 39.2%

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TMB  กล่าวว่า  แนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงต่อไปยังมีความไม่แน่นอนสูง จึงมีแผนตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อรองรับความเสี่ยงให้มากยิ่งขึ้นไปอีก โดยในไตรมาส 3 ได้ตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้นเป็น 6,863 ล้านบาท เทียบกับ 4,972 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ขณะที่สัดส่วนหนี้เสียทรงตัวที่ 2.33% จาก 2.34% หนุนให้อัตราส่วนเงินสำรองฯ ต่อหนี้เสียเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 132% จาก 114% จากไตรมาสก่อน

    นอกจากตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้นแล้ว ธนาคารก็ดำเนินการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ โดยมีการดูแลลูกค้าทุกกลุ่มอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าปกติหรือลูกค้าที่อยู่ในโปรแกรมพักชำระหนี้

    สำหรับสินเชื่อที่อยู่ภายใต้โปรแกรมพักชำระหนี้นั้น ในส่วนของสินเชื่อลูกค้ารายย่อยกลุ่มแรกๆ ได้เริ่มทยอยครบกำหนดไปบ้างแล้วและส่วนใหญ่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ  ทำให้ในไตรมาส 3 สัดส่วนสินเชื่อภายใต้โปรแกรมพักชำระหนี้ลงมาที่ 20% ของสินเชื่อรวม เทียบกับ 40% ณ ไตรมาส 2 ขณะที่ลูกค้าธุรกิจรวมถึงเอสเอ็มอีนั้นจะเริ่มครบกำหนดปลายต.ค.นี้ จะส่งผลให้สัดส่วนสินเชื่อที่อยู่ภายใต้โปรแกรมพักชำระหนี้ทยอยลดลงเป็นลำดับในไตรมาสถัดไป