จีนฟื้นหนุน‘หุ้นส่งออก’ ไทย คาดดึงกำไรโตสวนตลาด

จีนฟื้นหนุน‘หุ้นส่งออก’ ไทย   คาดดึงกำไรโตสวนตลาด

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาประเด็นการเมืองที่มีการเรียกร้องจากกลุ่มเยาวชนจนไปถึงประชาชน และมีพัฒนาการที่แตกตต่างจากการชุมนุมที่ผ่านมาจนทำให้รัฐบาลต้องดำเนินการหาทางออกเพื่อแก้ไขปัญหาในรูปแบบใหม่

จึงทำให้ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเจอปัจจัยการเมืองกระหน่ำจนดัชนีเฉียดหลุด 1,200 จุด

ช่วงดังกล่าวเข้าสู่ฤดูการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2563 ของกลุ่มธนาคารที่ถือว่าเป็นกลุ่มที่ราคาหุ้นปรับตัวลงทำนิวโลว์ จากความกังวลใจหนี้เสียที่เพิ่มสูงขึ้น ภาระการตั้งสำรองมากขึ้น และยังต้องลุ้น ผลทดสอบรองรับวิกฤติ (Stress Test) ในอีก 3 ปีข้างหน้าของแบงก์ชาติว่าจะผ่านหรือไม่เพื่อจะได้ปลดล็อกการห้ามจ่ายปันผลระหว่างกาล

ดังนั้นหุ้นขนาดใหญ่ในช่วงนี้จึงผันผวนอยู่ในแดนลบมากกว่าขาขึ้น สวนทางกับหุ้นขนาดเล็กที่ยังปรับตัวขึ้นได้ด้วยปัจจัยเฉพาะกลุ่ม อย่างก็ตามหุ้นขนาดใหญ่และขนาดเล็กที่อิงกับรายได้ส่งออกกลับทำราคาปรับตัวขึ้นสลับกันในช่วงที่ผ่านมาและยังฝ่ากระแสการเมืองขึ้มมาบวกสวนกระดานได้อีกด้วย

โดยเฉพาะการส่งออกไปยังตลาดจีนที่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐจีน ทั้งยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น 7.4 % ในเดือนก.ย. ที่ผ่านมา  จนฉุดสินค้ายางพาราเพื่อใช้ผลิตเป็นล้อรถยนต์ทำราคาในไทยทะลุ 60 บาทต่อกิโลกรัมไปในช่วงต้นสัปดาห์ จากการที่จีนเป็นผู้นำเข้ายางพาราอันดับ 1 ของโลก หรือคิดเป็น 40 %

รวมทั้งยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคของจีนในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบรายปี และการผลิตภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นดัชนีวัดภาวะเศรษฐกิจที่สำคัญขยายตัว 5.8% ในไตรมาส 3 ปี2563 เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากโรงงานต่าง ๆ เพิ่มกำลังการผลิต

จนตัวเลขจีดีพีจีนในไตรมาส 3 ปี 2563 ที่ประกาศออกมาขยายตัว 4.9 % จากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 3.2 % ยิ่งส่งผลทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าการบริโภคในจีนฟื้นตัวแล้วชัดเจน หลังจากจีนควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้และไม่มีรายการการกลับมาติดเชื้อรอบ 2 ในประเทศ จึงส่งผลดีต่อสินค้าที่มีการส่งออกไปยังจีนอีกด้วย

บริษัทในกลุ่มส่งออกมีสัดส่วนรายได้ไปยังประเทศจีนมากที่สุดเป็นกลุ่มสินค้าสาหร่ายและสกินแคร์-เครื่องสำอาง มีทั้ง บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN และ บริษัท บิวตี้ คอมมูลนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY กลุ่มนี้มีข้อจำกัดจากสินค้ามีคู่แข่งสูงและมาร์จิ้นไม่มาก

ส่วนกลุ่มที่ราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลุ่ม ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีความต้องการซื้อและใช้งานอุปกรณ์ไอทีมากขึ้น ซึ่งเรียกได้ว่าราคาขยับขึ้นทั้งกลุ่มว่าได้ ทั้งบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ที่ราคา  ทะลุนิวไฮ 200 บาทก่อนจะย่อลงไป

หลังจากนั้นมีการสลับตัวเล่นเป็น บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE cและ บริษัทฮานา ไมโคอิเล็คทรอนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA ที่พึ่งทำสถิติราคาสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี ที่ 54 บาท และบริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVI ถูกหยิบมาไล่ราคาหุ้นในประเด็นเดียวกัน ราคาสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี ที่ 5.75 บาท

กลุ่มอาหารส่งออกเนื้อหมู ไก่ และอาหารทะเลแช่แข็ง มีสัดส่วนส่งออกไปประเทศจีนน้อยที่สุดใน 3 กลุ่มจึงส่งผลทำให้ราคาขยับไม่มาก บวกกับผลกระทบราคาเนื้อสัตว์ในช่วงนี้ไม่ได้ปรับตัวขึ้น

จากก่อนหน้าราคาเนื้อหมูปรับตัวขึ้นโรคระบาดในหมู African Swine Flu ในต่างประเทศ อย่างในเวียดนาม ซึ่งเป็นช่วงที่เผชิญโรคระบาดในหมูทำให้ซัพพรายหายไปจากท้องตลาดจากการต้องจำกัดหมูที่เป็นโรค ส่งผลต่อราคาเนื้อหมูในตลาดขยับตัวสูงขึ้น 70,000 ดอง/กิโลกรัม จาก 46,000 -47,000 ดอง/กิโลกรัม ล่าสุดอยู่ที่ 90 ,000 ดอง /กิโลกรัม

จนถึงขั้นจีนประกาศระงับการนำเข้าเนื้อหมูจากเยอรมนี ส่งผลทำให้ยอดขายเนื้อหมูของทั้ง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF และ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG เติบโต

อย่างไรก็ตามธุรกิจส่งออกของไทยยังมีปัจจัยบวกช่วยหนุนที่สำคัญคือค่าเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่าจากต้นปีที่แข็งค่าไปถึง 29.76 บาทต่อดอลลาร์ ปัจจุบันมาอยู่ที่ 32 บาทต่อดอลลาร์จึงหนุนธุรกิจส่งออกไม่เผชิญขาดทุนจากค่าเงินจนเกินไปเหมือนไตรมาส 1 ปี 2563