จัดเก็บรายได้กิจการปิโตรเลียมปี 63 วูบ เหลือ 1.3 แสนล้าบาท

จัดเก็บรายได้กิจการปิโตรเลียมปี 63 วูบ เหลือ 1.3 แสนล้าบาท

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เผย ปีงบประมาณ 63 การประกอบกิจการปิโตรเลียมสร้างรายได้รัฐ 1.3 แสนล้านบาท ลดลง 21.88% จากปีก่อน เหตุผลกระทบโควิด-19 กดดันราคาน้ำดิบร่วง

นายศุภลักษณ์ พาฬอนุรักษ์ โฆษกกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า การจัดเก็บรายได้เข้ารัฐจากการประกอบกิจการปิโตรเลียมในปีงบประมาณ 2564 คาดว่า จะปรับตัวดีขึ้นจากปี 2563 เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในปัจจุบัน เริ่มทรงตัวในระดับที่ดีขึ้น ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันเริ่มฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ

ขณะที่ การจัดเก็บรายได้เข้ารัฐจากการประกอบกิจการปิโตรเลียมในปีงบประมาณ 2563 (ต.ค. 2562 – ก.ย. 2563) รวมทั้งสิ้น 129,932 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าภาคหลวง จำนวน 38,725 ล้านบาท เงินผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษ จำนวน 15 ล้านบาท รายได้จากองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย จำนวน 12,903 ล้านบาท ค่าตอบแทนการต่อระยะเวลาการผลิต จำนวน 7,050 ล้านบาท

160318477730

รวมถึง ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมซึ่งจัดเก็บโดยกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง จำนวน 71,239 ล้านบาท โดยภาพรวมการจัดเก็บรายได้ในปี 2563 ลดลง 21.88% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562

โดยในช่วงปีงบประมาณ 2563 มีสัมปทานปิโตรเลียมในประเทศที่ดำเนินการอยู่ 38 สัมปทาน 48 แปลงสำรวจ โดยแบ่งเป็นแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทย 29 แปลง และแปลงสำรวจบนบก 19 แปลง โดยมีปริมาณการผลิตปิโตรเลียมทั้งก๊าซธรรมชาติ ก๊าซธรรมชาติเหลว และน้ำมันดิบ คิดเป็นปริมาณรวมอยู่ที่ 275.66 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ซึ่งลดลง 7.86% เมื่อเทียบกับปริมาณการผลิตในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562

160318482646

อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บรายได้จากการประกอบกิจการปิโตรเลียมและปริมาณการผลิตปิโตรเลียมที่ลดลง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันตกต่ำ รวมถึงความต้องการใช้ปิโตรเลียมก็ลดลง