KKP - ซื้อ

KKP - ซื้อ

กำไรจากเงินลงทุน และขาดทุนขายรถยึดลดลง ช่วยกำไร 3Q63 ดีกว่าคาดมาก

Event

กำไรสุทธิของ KKP ใน 3Q63 อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท (+14% QoQ แต่ -16% YoY) ดีกว่าประมาณการของเรา/consensus ประมาณ 22% เนื่องจากมีกำไรก้อนใหญ่จากการขายสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และผลขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมาลดลง ในขณะเดียวกัน กำไรสุทธิใน 9M63 ก็อยู่ที่ 4 พันล้านบาท (-7%) คิดเป็น 96% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา

lmpact

ผลขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมาลดลงอย่างมาก

หลังจากที่ KKP ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมา >400 ล้านบาทต่อไตรมาสมาตั้งแต่ 2H62 ปรากฏว่าผลขาดทุนจากธุรกิจนี้ลดลงเหลือแค่ 120 ล้านบาทใน 3Q63 เนื่องจาก 1.) ยอดขายรถในประเทศลดลงอย่างมากทำให้อุปทานรถมือสองลดลง 2.) โครงการผ่อนผันหนี้ช่วยยืดกระบวนการยึดรถ
ออกไป นอกจากนี้ ธุรกิจการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพก็กลับมาคึกคักขึ้นและทำให้บริษัทมีกำไรก้อนใหญ่ถึง 254 ล้านบาท

รุกปล่อยกู้เพิ่มขึ้นในหลายกลุ่มสินเชื่อ

KKP หันมารุกปล่อยกู้ในสินเชื่อหลาย ๆ กลุ่ม โดยเฉพาะสินเชื่อ H/P และสินเชื่อจดจำนอง ทำให้สินเชื่อรวมขยายตัว 3% QoQ และ 8.5% YoY โดยสินเชื่อ H/P (50% ของพอร์ตสินเชื่อ) ขยายตัว 7% QoQ และ 15% YoY ในขณะที่สินเชื่อจดจำนอง (10% ของพอร์ตสินเชื่อ) ขยายตัว 6% QoQ และ +15% YoY เราคาดว่าการที่บริษัทสามารถบริหารจัดการ NPL ให้ลดลงได้ทำให้บริษัทมั่นใจมากขึ้นในการปล่อยกู้สินเชื่อสองกลุ่มนี้

Non-NII ดีขึ้นเล็กน้อย โดยกำไรจากการค้าหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น

เนื่องจากรายได้ฐานรายได่ค่าธรรมเนียมต่ำใน 2Q63 จากโควิด-19 ได้เริ่มฟื้นตัวในไตรมาสนี้ อย่างเช่นรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และ bancassurance ซึ่งหนุนให้รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น 16%QoQ แต่ยังคงลดลง 15% ในขณะเดียวกัน ธุรกิจการลงทุน (การลงทุนโดยตรงระยะยาว และการค้าหลักทรัพย์) ก็บันทึกกำไร 142 ล้านบาทในงบ P/L และมีกำไรที่ยังไม่รับรู้อีกประมาณ 201 ล้านบาท

เตรียมสำรองให้พร้อมรองรับ NPL เพิ่มในไตรมาสหน้า

กรณีของ KKP ก็คล้าย ๆ กับ TISCO คือ gross NPL ลดลงอย่างมากถึง 10% QoQ และ 17% ใน 3Q63 เนื่องจากหนี้ที่มีปัญหาอยู่ในโครงการผ่อนผันหนี้ และจะค่อย ๆ กลายมาเป็น NPL จริง ๆ เมื่อไม่สามารถชำระคืนหนี้ได้ตามกำหนด ทั้งนี้ KKP รับรู้ความเสี่ยงในส่วนนี้ไปแล้ว และตั้งสำรองพิเศษก้อนใหญ่
เอาไว้แล้วถึง 2 พันล้านบาท และทำให้สัดส่วน NPL เพิ่มขึ้นเป็น >130%

ปรับเพิ่มประมาณการปี 2563 อีก 14% (คงประมาณการปี 2564 ไว้เท่าเดิม) ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ

เนื่องจากกำไร 9M63 คิดเป็น 96% ของประมาณการกำไรปีนี้ เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรโดยลดผลขาดทุนในการขายรถยึดลงเหลือ 1.45 พันล้านบาท (จากเดิมที่ 1.65 พันล้านบาท) และปรับเพิ่มกำไรจากการลงทุนในปีนี้เป็น 600 ล้านบาท (จากเดิมที่ 300 ล้านบาท) ทั้งนี้ เงินกองทุนขึ้นที่ 1 อยู่ที่ 13.2% และ CAR อยู่ที่ 18% ทำให้ KKP จะกลับมาจ่ายปันผลได้ ดังนั้น เราจึงปรับคำแนะนำจาก ถือ เป็น ซื้อ

Risk

NPL สูงเกินคาด ตลาดทุนผันผวน และผลขาดทุนจากธุรกิจ H/P