กอร.ฉ. จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว รับ 'เซอร์ไพรส์' ม็อบดาวกระจาย วันนี้

กอร.ฉ. จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว รับ 'เซอร์ไพรส์' ม็อบดาวกระจาย วันนี้

กระทรวงดีอีเอส พบบัญชีสื่อออนไลน์เนื้อหายุยง-เกิดความไม่สงบเรียบร้อย 58 เรื่อง ประสานผู้เกี่ยวข้องระงับแล้ว ส่วนการบิดเบือนข้อมูล ปลุกระดมผ่านทวิตเตอร์ให้ใช้วิธีการ“Looting” ชักชวนให้ทำลายทรัพย์สิน เตือนปชช.อย่าตกเป็นเครื่องมือผู้ไม่หวังดี

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ต.อ.ศิริวัฒน์  ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดเผยระหว่างการแถลงข่าว สรุปภาพรวมสถานการณ์การชุมนุมและการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส ได้ตรวจสอบพบบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่มีการยุยงทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในพื้นที่ที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ได้ส่งเรื่องมาให้กอร.ฉ. ดำเนินรวมแล้ว 58 เรื่อง ส่วนกรณีการบิดเบือนข้อมูลในลักษณะข่าวปลอมหรือเฟคนิวส์ ได้มีการปลุกระดมโดยผู้ไม่หวังดีโดยใช้บัญชีปิดบังตัวตนผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ชักชวนให้กลุ่มผู้ชุมนุมใช้วิธีการ Looting คือการปล้นสะดมในระหว่างสถานการณ์ที่มีความไม่สงบ

โดยในทวิตเตอร์มีการแชทอ้างการกระทำลักษณะดังกล่าวในสถานการณ์การชุมนุมระหว่างประเทศ ซึ่งมีการชักชวนให้ทำลายทรัพย์สินของทางราชการและทรัพย์สินของประชาชนทั่วไปในพื้นที่บริเวณการชุมนุม เพื่อยกระดับการชุมนุม ในเรื่องนี้ทางกอร.ฉ.มีความเป็นห่วงและขอแจ้งเตือนประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมอย่าตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดีที่พยายามยุยง ปลุกปั่นให้กระทำการดังกล่าว

เพราะนอกจากจะเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว ยังผิดตามประมวลกฎหมายอาญาเข้าข่ายฐานลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ หรือทำให้เสียทรัพย์แล้วแต่กรณี ส่วนผู้ที่ไม่หวังดีที่ทำการยุยง ปลุกปั่นในโลกออนไลน์ จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14 และเป็นการฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้วย

จากการตรวจสอบกลุ่มผู้ชุมนุมหลายๆ คน ได้รับข้อมูลลักษณะการเชิญชวนในทวิตเตอร์ แต่มีอีกหลายคนที่มีความเป็นห่วงเป็นใยได้มีการสื่อสารถึงกันและกัน พร้อมเตือนกันว่าอย่าตกเป็นเครื่องมือ ทางกอร.ฉ.ต้องขอขอบคุณที่มีสติในการช่วยเตือนกันเป็นการป้องกันระวังภัยสำหรับบุคคลที่ 3 หรือบุคคลที่ไม่หวังดีมาแทรกแซงด้วยเจตนาร้าย

ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มที่พบว่ามีความผิดนั้นมีการกระทำผิดลักษณะอย่างไร นายภุชงค์ กล่าวว่า ส่วนใหญ่เป็นความผิด พรบ.คอมฯ โดยการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบ ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบในภาพกว้าง ส่วนความผิดเรื่องของการยุยงปลุกปั่น ทำให้โครงสร้างพื้นฐานได้รับผลกระทบ ซึ่งผู้ที่กระทำความผิดทั้ง 58 รายนั้นได้ประสานไปยังผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต ให้ระงับไปแล้ว และบางรายมีคำสั่งศาลแล้ว ส่วนบางรายก็ได้ใช้อำนาจคำสั่งของหัวหน้า พรก.ฉุกเฉิน

เมื่อถามว่าผู้ชุมนุมขีดเส้นตายให้ประกาศยกเลิก พรก.ฉุกเฉินฯ ภายในเวลา 18.00 น. ทางศูนย์ กอร.ฉ. จะดำเนินการอย่างไร พล.ต.ต. ปิยะ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการยกเลิก พรก.ฉุกเฉินฯ โดยหลังจากนี้จะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ได้มีการเตรียมความพร้อมแล้ว ส่วนกรณีที่ผู้ชุมนุมประกาศเซอร์ไพรส์เจ้าหน้าที่เชื่อว่าจะเป็นการแยกย้ายชุมนุมตามจุดต่าง ๆ โดยทางเจ้าหน้าที่ได้เตรียมความพร้อมโดยการจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว 

เมื่อถามอีกว่า เจ้าหน้าที่คิดว่าผู้ชุมนุมจะยกระดับการชุมนุมหรือไม่ พล.ต.ต. ปิยะ กล่าวว่า จากการประเมินเชื่อว่าผู้ชุมนุมขณะนี้สามารถยกระดับได้แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น ส่วนการดาวกระจายจะเป็นการเคลื่อนตัวไปตามสถานีรถไฟฟ้าต่าง ๆ เท่านั้น เชื่อว่าชุดเคลื่อนที่เร็วจะสามารถเข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อยในส่วนนี้ได้

ส่วนกรณีที่แกนนำหลายคนได้รับการปล่อยตัวแล้วนั้น มีเงื่อนไขในการปล่อยตัวชั่วคราวโดยเฉพาะบางคนมีเงื่อนไขห้ามเข้าพื้นที่การชุมนุม ซึ่งขณะนี้ส่วนใหญ่มีหมายจับที่กำลังดำเนินการอยู่หลาย 10 หมาย โดยทางเจ้าหน้าที่ขอย้ำเตือนไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมว่าการกระทำในทุกกรณีที่เข้าข่ายผิดมีเจ้าหน้าที่คอยรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินการเอาผิดทางกฎหมายทุกราย