จับเพิ่มอีก 1ราย ทำลายป้อมตำรวจแยกบางนา

จับเพิ่มอีก 1ราย ทำลายป้อมตำรวจแยกบางนา

ผู้ต้องหาทำลายป้อมตำรวจแยกบางนา สารภาพเมาแต่ไม่ได้เป็นคนแรกที่เริ่มปาสิ่งของใส่ป้อมตำรวจ  เผยนาทีถูกผู้ชุมนุมล็อคตัว-ทำร้ายเพราะใส่เสื้อผ้าคล้ายหน่วยงานราชการ เจ้าตัวขอโทษผู้ชุมนุม ยันไม่ใช่ตำรวจ-ทหาร ไม่มีใครว่าจ้า

จากเหตุการณ์ภายหลังที่กลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณแยกบางนา ได้ประกาศยุติการชุมนุมแล้ว มีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนก่อความวุ่นวายที่ ขว้างปาสิ่งของ ทุบตีป้อมควบคุมสัญญาณไฟจราจร ทำให้เกิดความเสียหาย และยังเกิดกระแสโลกออนไลน์มีการโพสแชร์ภาพบุคคลที่ร่วมก่อเหตุ เปรียบเทียบกับเจ้าหน้าที่ พร้อมระบุว่าเป็นเจ้าหน้าที่แฝงตัวมาสร้างสถานการณ์นั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม   พ.ต.อ. ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง รอง ผบก.น.5 รรท.ผกก.สน.บางนา ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ศุภากร แก้วเขียว รอง ผกก.สส.สน.บางนา พ.ต.ต.เพิ่มสกุล นิลขำ สว.สส.สน.บางนา และร.ต.อ.พิทักษ์ มีจิตร์ รอง สว.สส.สน.บางนา ร่วมกันนำกำลังตำรวจฝ่ายสืบสวนนครบาลบางนา จับกุมตัวนายประวิทย์ หรือโบ สมรัตน์ อายุ 29 ปี ชาวจังหวัดศรีษะเกษ หนึ่งในผู้ต้องหาร่วมก่อเหตุทำลายป้อมตำรวจแยกบางนา พร้อมเสื้อผ้าสวมใส่ในวันก่อเหตุ โดยสามารถจับกุมได้ที่ห้องพัก ซอยจ่าโสด ถนนสรรพวุธ แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 00.15 น.ที่ผ่านมา มาสอบสวนที่ สถานีตำรวจนครบาลบางนา

จากการสอบสวน ผู้ต้องหารายนี้ ให้การยอมรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุ เจ้าตัวได้ดื่มเหล้าขาวที่ห้องพักมาตั้งแต่ช่วงเช้า จากนั้นได้เดินทางไปร่วมชุมนุม เพราะอยากไปร่วมด้วยใจ เมื่อที่ชุมนุมประกาศยุติ ได้มีเสียงฮือจากกลุ่มผู้ชุมนุมรายอื่นๆ เนื่องจากไม่พอใจที่ไฟส่องสว่างบนถนนดับลง ตนยืนยันว่าไม่ใช่เป็นคนแรกที่ขว้างปาสิ่งของใส่ป้อมตำรวจ เพียงหยิบกรวยจราจรที่อยู่ในละแวกนั้น พยายามขว้างปาใส่ป้อมตำรวจ แต่ด้วยอาการเมา ทำให้กรวยหลุดมือ
ผู้ต้องหายังให้การต่ออีกว่า กระทั่งมีผู้ชุมนุมรายอื่นอีกหลายคนกรูกันเข้ามาล็อคตัวไว้ พร้อมสอบถามว่า"มึงเป็นตำรวจ หรือทหาร เพราะด้วยที่ตนสวมใส่เสื้อยืดแขนยาว สีดำ ของเพื่อนที่ยืมมา มีสัญลักษณ์ คล้ายหน่วยงานของรัฐ จนทำให้เข้าใจผิด แต่ไม่ทันจะตอบ กลับถูกกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาทำร้าย จนมีหญิงสาวเข้ามากอดไว้ ก่อนมีคนช่วยพาไปส่งห้องพัก และมาถูกตำรวจจับกุมไว้ได้

อย่างไรก็ตามทางตำรวจได้ทำการสอบสวนอย่างละเอียด ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน แจ้งข้อหา“ ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ,โดยการฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความว่นวายขึ้นในบ้านเมือง ”

ต่อมา เวลา 12.45 น.วันเดียวกัน พ.ต.ท.สายชล หงษ์สุวรรณ์ รอง ผกก.(สอบสวน)สน.บางนา ในฐานะหัวหน้างานสอบสวน ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนนำตัวนายประวิทย์ หรือโบรวมไปถึงนายขวัญ จีนา อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาที่ถูกจับก่อนหน้านี้ นำตัวมาจาก ตชด.ภ.1 ขึ้นรถผู้ต้องขัง ส่งฟ้องศาลอาญาพระโขนง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ระหว่างตำรวจคุมตัวผู้ต้องหารายนี้ ส่งศาลนั้นเจ้าตัวได้บอกกับสื่อมวลชนว่า ตนอยากขอโทษผู้ชุมนุมทุกคน กับการกระทำดังกล่าวมันไม่ดี พร้อมทั้งขอยืนยันว่าตนไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือทหารแต่อย่างใด แต่มีอาชีพเป็นช่างรับเหมาเดินระบบไฟตามอาคาร เหตุการณ์นี้เป็นการเข้าใจผิดกันเท่านั้น รวมไปถึงไม่มีใครว่าจ้างตนมาก่อเหตุ ตนทำไปด้วยความเมา มีอารมณ์ร่วม ในขณะนั้น