อ่วม! น้ำทะลักท่วม 8 ตำบลอู่ทอง สุพรรณฯ บ้านเรือนปชช.-นาข้าวนับหมื่นไร่จมบาดาล

เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องติดต่อกันหลายวันทั้งในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี และ จ.กาญจนบุรี ทำให้มีปริมาณน้ำจำนวนมากไหลทะลักลงแม่น้ำจรเข้ จนล้นเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้าน วัด โรงเรียน และพื้นที่ทางการเกษตรนับหมื่นไร่ของพี่น้องประชาชนชาว อ.อู่ทอง 8 ตำบล

นายนมนึก ปทุมสูตร กำนันตำบลจรเข้สามพัน พร้อมสารวัตรกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ร่วมกันออกตรวจสอบพื้นที่รับผิดชอบที่ถูกน้ำท่วม ในส่วน ต.จรเข้สามพัน ที่ถูกน้ำท่วมมีจำนวน 13 หมู่บ้าน พื้นที่ที่ถูกท่วมนั้นประกอบด้วย นาข้าว ซึ่งทั้งกำลังใกล้จะได้เกี่ยว กำลังตั้งท้อง กำลังออกรวง

นอกจากนี้ยังมีไร่กระเจี๊ยบ ไร่ข้าวโพด ไร่อ้อย และสวนผลไม้ สวนผัก บ่อปลา รวมพื้นที่นับหมื่นไร่ได้รับความเสียหาย และยังมีโรงเรียนวัดปทุมวนาราม ศูนย์เด็กเล็ก วัดปทุมวนาราม บ้านเรือนประชาชนอีกหลายหลังถูกน้ำท่วมเสียหาย

ส่วนน้ำที่เข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตรทั้งหมดนั้นเป็นน้ำฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวันในพื้นที่ อ.พนมทวน และ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ทำให้มีมวลน้ำจำนวนมากไหลลงแม่น้ำจรเข้ จนล้นทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนพี่น้องประชาชนสองฝั่งแม่น้ำ รวมทั้งพื้นที่ทางการเกษตร โดยน้ำได้เริ่มท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำมาได้ประมาณ 3-4 วันก่อนจะขยายวงกว้างขึ้นมาพื้นที่ดอน เนื่องจากน้ำหนุนขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อน

นายเสกสรร ถนอมกิตติ นายอำเภออู่ทอง จึงได้สั่งการกำนัน ผู้ใหญ่บ้านทุกตำบล ประสานข้อมูลกับปลัดอำเภอที่ได้รับมอบหมาย เร่งออกสำรวจความเสียหายเพื่อรายงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อหาทางช่วยเหลือ หากพื้นที่ไหนชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนไม่มีคนช่วยขนย้ายข้าวของให้รีบแจ้งมาทางอำเภอด่วนจะได้จัดกำลังเข้าไปช่วยเหลือได้ทันท่วงที แต่จนถึงขณะนี้ยังสรุปตัวเลขพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมไม่ได้ เนื่องระดับน้ำยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ด้าน นายธนชาต ธนวีเทศ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดปทุมวนาราม กล่าวว่า โรงเรียนถูกน้ำท่วมมาได้ 2 วันแล้ว โดยวันแรกน้ำได้เอ่อล้นมาจากแม่น้ำจรเข้ ซึ่งอยู่ติดกับโรงเรียนเข้าท่วมประมาณ 10 เซนติเมตร จึงได้ขอความร่วมมือจากพี่น้องชาวบ้านให้มาช่วยเก็บข้าวของอุปกรณ์การเรียนการสอนขึ้นไว้ที่สูง เหลือเพียงกระดานบอร์ดและประตูไม้อัดที่ไม่สามารถขนย้ายได้ และวันนี้ระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นเกือบ 50 เซนติเมตร ตนจึงได้สั่งให้นักเรียนหยุดเรียนเป็นกรณีพิเศษเป็นเวลา 3 วันเพื่อรอดูสถานการณ์ ถ้าน้ำลดเป็นปกติก็จะเปิดสอน แต่ถ้ายังไม่ลดก็ต้องปิดต่อ โดยให้นักเรียนเรียนอยู่บ้าน ซึ่งทางคุณครูประจำชั้นก็จะให้การบ้านไปทำ

"ในช่วงนี้อยากฝากเตือนภัยเกี่ยวกับการป้องกันเด็กจมน้ำและสัตว์มีพิษที่อาจจะมากับน้ำดังนั้นจึงฝากไปถึงผู้ปกครองให้ช่วยดูแลบุตรหลานของท่านให้อย่าให้ออกไปเล่นน้ำและให้ระวังสัตว์มีพิษด้วย" นายธนชาต กล่าว