ออมสินเคาะร่วมทุน ธุรกิจจำนำทะเบียน 

นายอิสระ วงศ์รุ่ง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ว่า ในวันที่ 20 ต.ค.นี้ ออมสินจะเสนอรายชื่อผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์)ที่จะเข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจจำนำทะเบียนรถยนต์ ต่อคณะกรรมการธนาคารออมสิน (บอร์ด)​เพียง 1 ราย ซึ่งหากอนุมัติคาดเริ่มดำเนินธุรกิจได้ภายในไตรมาส 1 ปี 2564 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมามาธนาคารออมสินได้ส่งหนังสือถึงนอนแบงก์ที่มีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท เพื่อให้ยื่นข้อเสนอเข้าร่วมธุรกิจจำนวน 25 รายโดยมีนอนแบงก์สนใจตอบรับ 10 ราย และผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติจากฝ่ายลงทุน เพียง 3 ราย ซึ่งจะเลือกเสนอรายที่เหมาะสมเข้าที่ประชุมออมสินจำนวน 1 ราย 

 อย่างไรก็ตาม หากบอร์ดออมสินอนุมัติ ออมสินจะเริ่มเจรจากับนอนแบงก์ดังกล่าว โดยการเข้าไปลงทุนเพื่อเข้าไปถือหุ้น 49% ซึ่งจะสามารถตั้งประธานบริษัท ประธานบริหาร เพื่อกำหนดเป้าหมายและแผนงานร่วมกันในการปล่อยสินเชื่อรายย่อย 

ส่วนกรณีที่บอร์ดฯไม่อนุมัติ ก็อาจจะต้องจัดตั้งบริษัทแบบร่วมทุนการทำกิจการร่วมค้า(Joint Venture) ใหม่ ซึ่งจะต้องดำเนินการขออนุญาตจดทะเบียนบริษัทใหม่ ทำให้ขั้นตอนการเริ่มดำเนินธุรกิจล่าช้าออกไป และอาจจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 2 ของปี 2564 

“ธนาคารออมสินจะให้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนมอเตอร์ไซค์ ในส่วนลูกค้ารายย่อยเป็นหลัก โดยจะนำร่องสินเชื่อมอเตอร์ไซค์ ก่อน เพราะมีสัดส่วนถึง 80% ของตลาด เริ่มต้นที่รายละ 18,000-20,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ย 18% ต่อปี จากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดอยู่ที่ประมาณ 24% ต่อปี เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น”

นายอิสระกล่าวว่า​ ออมสินจะเลือกบริษัทที่ทำธุรกิจนี้มานาน มีความเชี่ยวชาญ มีทีมงานที่พร้อมให้บริการ มีสาขาที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ หรือพร้อมขยายสาขาทั่วประเทศ มีระบบที่ออกสินเชื่อได้รวดเร็ว เพราะธนาคารออมสินมีเงินทุนรองรับ มีฐานลูกค้าและมีเครือข่ายสาขาอยู่แล้ว ส่วนชื่อบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นนั้นยังไม่ได้คิด

“เราจะคัดเลือกผู้ร่วมทุนให้ตรงกับความต้องการของธนาคารออมสิน อาทิ ปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ อาทิ มอเตอร์ไซค์ กระบะ และรถเก๋ง ที่มีวงเงินกู้ไม่เกินรายละ 200,000 บาท ซึ่งไม่ครอบคลุมรถยนต์หรู และรถสปอร์ต เป็นต้น” 

หากออมสินดำเนินธุรกิจรับจำนำรถยนต์แล้ว คาดว่า จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดไม่ต่ำกว่า 10-20% ของมูลค่าตลาดสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีบทบาทในการกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาดได้ โดยตั้งเป้าจะทำให้ดอกเบี้ยในตลาดเหลืออยู่ไม่เกิน 18% ต่อปี จากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยในตลาดอยู่ที่ 24-28% ต่อปี