ปัจจัยลบการเมือง vs ปัจจัยบวกจากประมาณการกำไรเริ่มปรับขึ้น

ปัจจัยลบการเมือง vs ปัจจัยบวกจากประมาณการกำไรเริ่มปรับขึ้น

จับตาการหาทางออกการเมืองด้วยกลไกรัฐสภา

การชุมนุมทางการเมืองในวันที่ 16 ต.ค.ที่ตามมาด้วยความพยายามในการสลายการชุมนุมจนเกิดภาพของความรุนแรงและทำให้เกิดคำถามถึงการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ ส่งผลให้มีผู้แสดงความไม่เห็นด้วยจำนวนมาก และตามมาด้วยปรากฎการณ์ชุมนุมกระจายตัวหลายแห่ง และใน 17 จังหวัดนอกกทม. ซึ่งโมเมนตัมของการชุมนุมที่กำลังก่อตัวขึ้น เรามองปัจจัยที่จะช่วยชะลอการเกิดความรุนแรงในระยะสั้นมีเพียงกลไกรัฐสภา ได้แก่ 1) การเสียสละลาออกของนายกรัฐมนตรี (ในกรณีนี้ คุณอนุทิน ชาญวีรกุล จะมีโอกาสขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุด)  2) การที่สภาผู้แทนราษฏร มีมติเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ และมีพัฒนาการของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากเกิดหนึ่งในปัจจัยข้างต้น ความตึงเครียดการเมืองระยะสั้นจะลดลงและทำให้ตลาดมีโอกาสฟื้นตัว

ประมาณการกำไรบจ.เริ่มปรับขึ้น ทำให้เม็ดเงินลงทุนจะเตรียมกลับเข้าหุ้นใหญ่ เราคงมุมมองประมาณการกำไรบจ.มีโอกาสทำจุดต่ำสุด (bottom out) หลังงบไตรมาส 3/63 แม้กำไรปี 2563 จะยังไม่เห็นการปรับประมาณการขึ้น แต่แนวโน้มกำไร 12 เดือนข้างหน้า (blended forward earnings) เริ่มส่งสัญญาณดีขึ้นในช่วง 1 เดือนที่ผ่าน จากแนวโน้มกำไรหุ้นในกลุ่มขนาดใหญ่ ทั้งพลังงาน, ปิโตรเคมี, ธนาคาร อาจไม่แย่อย่างที่ตลาดเคยประเมิน ซึ่งจะทำให้เกิดการหมุนกลุ่ม (rotation) จากหุ้นกลาง-เล็ก กลับไปยังหุ้นขนาดใหญ่ ดังนั้นการปรับลงในรอบนี้ในบริเวณ 1200 จุด หรือต่ำกว่า เรามองเป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้นใหญ่ ขณะที่ควรระวังแรงทำกำไรหุ้นกลาง-เล็ก โดยเฉพาะที่ปรับขึ้นมาก

เลือกลงทุนรายตัว เน้นหุ้นปลอดภัย ระวังกลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ CPF, TU, TIP, THRE, ADVANC, INTUCH, DIF, JASIF, SUPEREIF, BTSGIF, BCH, CHG, WHAUP, EASTW, SUPER ขณะที่ระวังกลุ่มท่องเที่ยว หลังตัวเลขอัตราเข้าพักก.ย.ออกมาที่ 34.32% (ส.ค.ที่ 31.65%) แต่รายได้จากการท่องเที่ยว ลดลงเหลือเพียง 7.63 หมื่นลบ. (ส.ค.ที่ 8.65 หมื่นลบ.) ทำให้หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวโดยเฉพาะโรงแรมคาดจะยังมีผลขาดทุนอีกนาน ขณะที่ภาระหนี้จะสร้างแรงกดดันต่อโอกาสเพิ่มทุน โดยตลาดจะประเมินสิ่งนี้จากงบไตรมาส 3/63

ภาพรวมกลยุทธ์ คาดมีโอกาสโดดลงจากความกังวลทางการเมืองโดยมีแนวรับที่ 1214 จุด โดยหากมีการลงคะแนนให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ จะเป็นปัจจัยให้ SET Index ฟื้น ซึ่งจะเป็นโอกาสในการลดน้ำหนักหุ้นขนาดกลาง-เล็ก เพื่อเตรียมสภาพคล่องในการรอซื้อหุ้นใหญ่ โดย SET Index แกว่งตัวทางลง มีแนวรับ 1214 และ 1180-1200 ยังมองภาพในเชิง asset allocation หุ้นน่าสนใจกว่าพันธบัตร ทำให้ความผันผวน หรือจังหวะที่ตลาดตกใจ จะเป็นจังหวะดีในการทยอยซื้อหุ้นใหญ่พื้นฐานดี // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร WHAUP*, BBL*, CPF*

แนวรับ 1,214 จุด / แนวต้าน : 1,250 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

ประเด็นการลงทุน

เพโลซีขีดเส้นตายบรรลุข้อตกลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน 48 ชม. - นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนฯสหรัฐ มีมุมมองเป็นบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ที่คาดว่าจะสามารถผลักดันให้มีผลบังคับใช้ได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย. โดยขีดเส้นตายที่ต้องบรรลุข้อตกลงภายใน 48 ชม.

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐสูงสุดในรอบ 7 เดือน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เดือน ต.ค. ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 81.2 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 80.5 และเป็นการทำระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน

เวิลด์แบงก์เตือนโควิดระบาดอาจนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจและการเงินครั้งใหญ่ ธนาคารโลก เตือน การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อาจกลายเป็นวิกฤตครั้งใหญ่และเตือนถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดวิกฤตการเงินตามมา

ธปท.เปิดทางแบงก์พักชำระหนี้ต่ออีก 6 เดือน ธปท.เปิดทางแบงก์พักชำระหนี้ต่ออีก 6 เดือน แต่ไม่เกิน มิ.ย.64 ชี้ลูกหนี้รายได้ไม่ฟื้น

ประเด็นติดตาม: 19 ต.ค. – China GDP 3Q63, 22 ต.ค. – Beige Book / US initial jobless claims, 23 ต.ค. – US manufacturing PMI

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)