CENTEL - ซื้อ

CENTEL - ซื้อ

รอดเพราะ “วิงซ์แซ่บ”

เราคาดว่า CENTEL จะมีผลขาดทุนจากธุรกิจหลัก 377 ล้านบาทใน 3Q20F จากที่ขาดทุนจากธุรกิจหลัก 466 ล้านบาทใน 2Q20 เนื่องจาก (i) occupancy ยังต่ำอยู่ที่ 19% เพราะกิจกรรมของนักท่องเที่ยวต่างชาติยังจำกัด (ii) SSSg ของธุรกิจ QSR ยังอ่อนแออยู่ที่ -17% จากการแข่งขันในบริการ delivery และยอดขายอาหารในร้านยังชะลอตัว ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมากกว่าตลาด 8% จะเป็นโอกาสให้เข้าสะสมจากประเด็นความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีน และของโครงการ STV

 

ยังคงขาดทุนใน 3Q20F จากผลกระทบของ Covid-19

เราคาดว่า CENTEL จะมีผลขาดทุนจากธุรกิจหลัก 377 ล้านบาทใน 3Q20F จากที่มีกำไรจากธุรกิจหลัก 215 ล้านบาทใน 3Q19 และขาดทุน 466 ล้านบาทใน 2Q20 เนื่องจาก occupancy ต่ำเพียงแค่ 19% เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ และ SSSg ของธุรกิจ QSR -17% เนื่องจากการแข่งขันของบริการ delivery เข้มข้นมากขึ้น (อย่างเช่น KFC & MD) และยอดขายอาหารในร้านยังฟื้นตัวช้า ส่งผลให้ EBIT margin ลดลงเหลือ -9% ใน 3Q20 จาก 6% ใน 3Q19

 

คาดว่ารายได้จะลดลงแรงจาก occupancy ที่อ่อนแอของธุรกิจโรงแรม

เราคาดว่า รายได้จะอยู่ที่ 3,114 ล้านบาท (-37% yoy, +33% qoq) โดยรายได้ที่ลดลง yoy จะเป็นเพราะ occupancy ของธุรกิจโรงแรม และยอดขายธุรกิจ QSR ฟื้นตัวช้า เราคาดว่า รายได้จากธุรกิจ QSR จะอยู่ที่ 2,795 ล้านบาท (-29% yoy, -18% qoq) โดย SSSg จะติดลบเพิ่มขึ้นเป็น -17% เนื่องจากการแข่งขันของบริการ delivery เข้มข้นมากขึ้น และยอดขายอาหารในร้านยังฟื้นช้า โดยรายได้จากธุรกิจโรงแรมจะอ่อนแออยู่ที่ 424 ล้านบาท (-77% yoy, +206% qoq) เพราะยังไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดย RevPar ลดลงถึง 77% yoy

 

คงคำแนะนำ ซื้อ เนื่องจากคาดว่าธุรกิจ QSR จะช่วยหนุนให้กำไรฟื้น

มองราคาหุ้น CENTEL ที่ underperform ดัชนี SET 8% ในรอบเดือนที่ผ่านมาสะท้อนถึงปัจจัยลบจากการการเลื่อนเปิดประเทศ และการชุมนุมทางการเมืองไปแล้ว คาดยังมีปัจจัยบวกรออยู่ข้างหน้าจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีน และความคืบหน้าของโครงการ STV ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยกลับมาเปิดประเทศได้ใหม่ภายในเดือนมีนาคม 2021 โดยนักท่องเที่ยวที่ได้ STV กลุ่มแรกจากกวางเจาจะมาถึงไทยภายในวันที่ 21 ตุลาคมสำหรับการทดลอง STV เฟสที่ 1 และจะเข้าสู่เฟสสองที่มีระยะเวลากักตัวลดลงภายในวันที่ 17 พฤศจิกายน และไม่ต้องกักตัวในเฟสที่ 3