เลือกตั้งล่วงหน้า3รัฐ-จับตาชาวอเมริกันรุ่นใหม่

เลือกตั้งล่วงหน้า3รัฐ-จับตาชาวอเมริกันรุ่นใหม่

เลือกตั้งล่วงหน้า3รัฐ-จับตาชาวอเมริกันรุ่นใหม่ ขณะ"ทรัมป์"และ"ไบเดน" ขึ้นเวทีตอบคำถามประชาชนผ่านการถ่ายทอดสดคนละสถานีโทรทัศน์แต่เวลาเดียวกัน

เมื่อวันพุธ(14ต.ค.) มีการเลือกตั้งล่วงหน้าในสามรัฐ คือรัฐเทนเนสซี รัฐแคนซัส และรัฐโรดไอส์แลนด์ มีประชาชนจำนวนมากออกไปรอต่อแถวเพื่อลงคะแนนเสียง และคูหาเลือกตั้งบางแห่งมีผู้มารอหลายชั่วโมงก่อนคูหาเปิดเพื่อให้ได้ใช้สิทธิ์เป็นคนแรก ๆ และนับจนถึงขณะนี้ มีชาวอเมริกันใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าไปแล้วจำนวนกว่า 13 ล้านคน ถือว่ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อเทียบกับ 4 ปีก่อนที่มีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าประมาณ 1.4 ล้านคนในช่วงสองสัปดาห์ก่อนเลือกตั้ง

ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีคะแนนนิยมในรัฐส่วนใหญ่ตามหลังโจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตอยู่พอสมควร เดินทางไปหาเสียงที่รัฐไอโอวา ขณะที่ไบเดนจัดงานระดมทุนหาเสียงออนไลน์ และกล่าวปราศรัยต่อกลุ่มมุสลิม ส่วนในวันพฤหัสบดี (15ต.ค.) ทรัมป์ จะเดินทางไปรัฐนอร์ธแคโรไลนา ก่อนจะเดินทางต่อไปยังรัฐจอร์เจียและรัฐฟลอริดา

ในคืนวันพฤหัสบดีนี้ตามเวลาสหรัฐ ทรัมป์และไบเดน จะขึ้นเวทีตอบคำถามประชาชนผ่านการถ่ายทอดสดคนละสถานีโทรทัศน์แต่เวลาเดียวกัน โดยสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี ระบุว่า จะออกอากาศการขึ้นเวทีปราศรัยแบบ ‘ทาวน์ฮอล’ ของทรัมป์ เวลาสองทุ่มจากเมืองไมอามี รัฐฟลอริดา ส่วนช่องเอบีซี เตรียมถ่ายทอดสดแบบ ‘ทาวน์ฮอล’ ไว้ก่อนหน้านี้เช่นกัน โดยจะมีไบเดนขึ้นเวทีที่เมืองฟิลาเดลเฟียรัฐเพนซิลเวเนีย

การปราศรัยแบบ ‘ทาวน์ฮอล’ แตกต่างจากการดีเบตตรงที่ แบบ ‘ทาวน์ฮอล’ จะเป็นการตอบคำถามจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งตามปกติจะเป็นผู้ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร แต่ในการจัดดีเบต คำถามจะมาจากพิธีกร

ทั้งรัฐฟลอริดาและเพนซิลเวเนีย ต่างเป็นรัฐที่ทั้งคู่ต้องขับเคี่ยวกันดุเดือด หรือเป็นรัฐสมรภูมิ สำหรับการชิงชัยเป็นประธานาธิบดีสหรัฐในการเลือกตั้งอีกไม่ถึงสามสัปดาห์จากนี้ไป คือในวันที่ 3 พ.ย.ซึ่ง

การขึ้นเวทีกันคนละสถานีโทรทัศน์ของผู้สมัครทั้งสองเกิดขึ้นหลังจากคณะกรรมการจัดโต้อภิปรายระหว่างทรัมป์และไบเดน ล้มการดีเบตรอบสองของทั้งคู่ที่ตามตารางเดิมจะเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดี เพราะประธานาธิบดีทรัมป์ ปฏิเสธร่วมงาน ที่ผู้จัดจะเปลี่ยนมาเป็นแบบออนไลน์ เพราะความกังวลเรื่องโควิด-19 ที่ทำให้ทรัมป์ล้มป่วยลงก่อนหน้านี้ ขณะที่ไบเดนตอบตกลงจะออกโทรทัศน์ช่องเอบีซีแทน

เพราะฉะนั้น ในการดูถ่ายทอดสดการอภิปรายแบบ ‘ทาวน์ฮอล’ ทางช่องเอบีซีและเอ็นบีซี ผู้ชมต้องเปลี่ยนช่องทีวีไปมา และจะเป็นบรรยากาศที่เเตกต่างจากการดีเบตรอบเเรกของทั้งคู่ที่มีการเถียงกันไปมาและพูดแทรกกัน ซึ่งเกิดขึ้นโดยประธานาธิบดีทรัมป์บ่อยครั้งกว่าอดีตรองประธานาธิบดีไบเดน

ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ไบเดน รักษาความได้เปรียบในคะเเนนนิยมเหนือทรัมป์ โดยช่วงฤดูร้อน ทรัมป์ มีคะแนนนิยมตามหลังไบเดนอยู่ประมาณ 6-7% ในโพลล์ที่สำรวจความคิดเห็นของคนทั่วประเทศ และประมาณ 3-3.5% ในรัฐสมรภูมิ แต่เมื่อมีการสำรวจความคิดเห็นประชาชนหลังการดีเบตรอบเเรก และหลังการติดโคโรนาไวรัสของประธานาธิบดีทรัมป์ คะเเนนนิยมในตัวไบเดน ยิ่งนำห่างมากขึ้น

หากเจาะดูรายละเอียดของผู้มีสิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปีนี้ จะเห็นว่าผู้ที่อยู่ในวัยมิลเลนเนียล คือผู้ที่เกิดระหว่างปี 2524-2539 และคนรุ่นเจนแซดซึ่งเด็กกว่า มีสัดส่วนประมาณ 37% ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในสหรัฐ ส่วนผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนโดยนิตยสารฟอร์บส บ่งชี้ว่า ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงผิวดำที่อายุต่ำกว่า 30 ปี ประมาณ 70% สนับสนุนไบเดน ตัวแทนจากเดโมเเครตเป็นผู้นำสหรัฐและหากเปรียบเทียบกับกลุ่มอายุเดียวกัน การสนับสนุนไบเดน โดยคนเชื้อสายแอฟริกันอเมริกันที่อายุต่ำกว่า 30 ปี ถือว่าสูงที่สุดในบรรดากลุ่มสีผิวต่างๆ

ข้อมูลจากการสำรวจเมื่อสองปีก่อน ขององค์กรเซอร์เคิลหรือ Center for Information and Research on Civic Learning and Engagement ระบุว่า ในกลุ่มสตรีผิวดำ เรื่องการเหยียดเชื้อชาติสีผิวเป็นเรื่องสำคัญที่สุด หากเป็นสตรีเชื้อสายละติน ประเด็นเกี่ยวกับคนต่างด้าวเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

เซอร์เคิล ยังระบุว่า คนรุ่นใหม่ผิวขาวที่สนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์ ได้รับแรงกระตุ้นเรื่องการใช้สิทธิ์ทางการเมืองจากประเด็นสิทธิการครองปืน และนโยบายหาเสียงของทรัมป์ที่ว่าจะทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง

ส่วนผลสำรวจของแกลลอพ ในช่วงฤดูร้อนปีนี้ บ่งชี้ว่า มีชาวอเมริกันผิวดำแค่ 18% เท่านั้นที่รู้สึกว่ามีความมั่นใจมากว่าจะมีประสบการณ์เชิงบวกหากเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจ เทียบกับ 56% ในกลุ่มคนอเมริกันผิวขาว

เรื่องของผิวสี ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นในสื่อสังคมออนไลน์ในสหรัฐหลา่ยต่อหลา่ยครั้ง จนล่าสุด ทวิตเตอร์ ประกาศระงับบัญชีปลอมหลายบัญชี โดยให้เหตุผลว่าบัญชีเหล่านี้ละเมิดกฎของทวิตเตอร์เกี่ยวกับข้อความสแปมและใช้แพลตฟอร์มเพื่อหวังผลทางการเมือง เนื่องจากบัญชีเหล่านี้แอบอ้างเป็นคนผิวดำที่ประกาศความตั้งใจจะลงคะแนนเสียงสนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์ในการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐในเดือนหน้าแต่ทวิตเตอร์ ก็ไม่ได้เปิดเผยว่ามีกี่บัญชีที่ถูกระงับ ทั้งยังไม่ได้ระบุแหล่งที่มาของบัญชีเหล่านั้น

บัญชีเหล่านี้แอบอ้างว่าเป็นคนผิวดำ โดยใช้ภาพชายผิวดำที่ปรากฏตามข่าวต่างๆ และส่วนใหญ่ก็ทำการโพสต์ข้อความในทำนองเดียวกันอย่างเช่น “ใช่ ผมเป็นคนดำ และผมจะโหวตให้ทรัมป์”

นอกจากนี้ ทวิตเตอร์ยังมีแผนที่จะตรวจสอบการกระทำดังกล่าวต่อไป และอาจระงับบัญชีใดๆ เพิ่มเติม หากพบว่าเข้าข่ายละเมิดกฎเกณฑ์เดียวกันนี้