‘ทุกฝ่าย’ ต้องหาทางออกในวิกฤติร่วมกัน

‘ทุกฝ่าย’ ต้องหาทางออกในวิกฤติร่วมกัน

หลังจากรัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อ 15 ต.ค.63 ทำให้ไทยต้องกลับมาตั้งหลักอีกครั้งจากวิกฤติที่เผชิญรอบด้าน ทั้งโควิด-19 และเศรษฐกิจ รวมถึงสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่นิ่ง สิ่งสำคัญวันนี้พวกเราที่เป็นเจ้าของประเทศ ต้องร่วมกันหาทางออกในยามวิกฤติให้ได้

ทันทีที่รัฐบาลไทยประกาศใช้ พ.ร.ก.กำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 พร้อมประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 4.00 น.โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.2563 ทำให้ประเทศไทยที่กำลังเผชิญกับวิกฤติรอบด้าน ทั้งโรคระบาดครั้งร้ายแรงที่สุด ทุบเศรษฐกิจจนทรุดหนัก จนต้องออกมาตรการเยียวยาหลายต่อหลายมาตรการ รวมถึงความพยายามที่จะเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวเพื่อให้มีรายได้ประคับประคองเศรษฐกิจให้พอลืมตาอ้าปากได้บ้าง คงต้องกลับมาตั้งหลักกันใหม่อีกรอบ เพราะหากสถานการณ์การเมืองไม่นิ่ง รัฐบาลยังต้องเลือกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมสถานการณ์ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจ ฉุดรั้งบรรยากาศการลงทุนโดยภาพรวมให้ฟื้นคืนกลับได้ยาก 

เห็นตัวอย่างชัดทันทีเมื่อตลาดหุ้นไทยวานนี้ “ร่วง” ยกแผง ขณะที่นักธุรกิจนักลงทุน เริ่มส่งสัญญาณจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด บ่งชี้ถึงความไม่มั่นใจ แม้บางส่วนยังเชื่อว่า รัฐบาลสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ แต่หากการชุมนุมยังบานปลาย ยืดเยื้อ เกิดการกระทบกระทั่ง จบไม่สวย จะยิ่งส่งผลเสียอย่างมหาศาลต่อประเทศอย่างคาดไม่ถึง กระนั้นก็ตามความเห็นของนักธุรกิจยังคงเห็นว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่รัฐบาลประกาศ ควรต้องมีความชัดเจนในรายละเอียดระดับหนึ่งว่า สิ่งใดทำได้ สิ่งใดทำไม่ได้ เพราะมีสัญญาณถึงความไม่มั่นใจของนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในระยะถัดไป รัฐบาลจึงต้องเร่งชี้แจงทำความเข้าใจในประเด็นนี้ให้ดี 

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าบรรยากาศทางการเมืองในประเทศที่ไม่สงบ มีผลกระทบเชิงจิตวิทยาต่อความเชื่อมั่นของประชาชน และนักลงทุนต่างชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นปัจจัยเสี่ยงและตัวแปรสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤติการแพร่ระบาดโควิด ยังไม่นับถึงความกังวลของการแพร่ระบาดในรอบใหม่ รวมถึงความท้าทายมากมายที่ประเทศยังต้องเผชิญ และรับมือ ดังนั้นรัฐบาล รวมถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะฝ่ายไหน คณะไหน ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อส่วนรวมให้มาก เอาประเทศชาติเป็นตัวตั้ง 

ที่ผ่านมาเรามีบทเรียนของความเจ็บปวดมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งไม่เคยมีสักครั้งที่การเผชิญหน้าโดยไม่มีใครยอมใคร ไม่มีใครยอมถอย จะสร้างผลดีให้กับประเทศ กลับแต่จะสร้างความเสียหายอย่างประเมินค่ามิได้ ประวัติศาสตร์มีให้เห็นในทุกช่วงเวลา เราเชื่อว่าประเทศยังมีทางออก สำคัญคือพวกเราเป็นเจ้าของประเทศ ต้องหาทางออกร่วมกันในยามวิกฤติให้ได้ หากปล่อยให้ยืดเยื้อ บานปลายไปตามอารมณ์ของความเกลียดชัง ความไม่ยอมกัน จะยิ่งซ้ำเติมบาดแผลให้กับประเทศ กดภาวะเศรษฐกิจให้จมดิ่ง ทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้าหากัน นั่งลงเจรจาด้วยสันติวิธีแบบที่นานาอารยะประเทศเขาทำ