‘จีน-ญี่ปุ่น-อินเดีย’ล้าหลังสุดปราบคอร์รัปชันแวดวงธุรกิจโลก

‘จีน-ญี่ปุ่น-อินเดีย’ล้าหลังสุดปราบคอร์รัปชันแวดวงธุรกิจโลก

‘จีน-ญี่ปุ่น-อินเดีย’ล้าหลังสุดปราบคอร์รัปชันแวดวงธุรกิจโลก ซึ่งความล้มเหลวในเรื่องนี้จะเพิ่มความเสี่ยงแก่ความพยายามฟื้นเศรษฐกิจที่กำลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19

ผลศึกษาของสำนักงานด้านความโปร่งใสระหว่างประเทศบ่งชี้ จีน ญี่ปุ่นและอินเดีย ติดกลุ่มประเทศที่มีการบังคับใช้กฏหมายน้อยที่สุดเพื่อปราบปรามการคอร์รัปชันในแวดวงธุรกิจโลก พร้อมทั้งเตือนว่า ความล้มเหลวในเรื่องนี้จะเพิ่มความเสี่ยงแก่ความพยายามฟื้นเศรษฐกิจที่กำลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19

รายงานการศึกษาชิ้นนี้ ซึ่งมีชื่อว่า “Exporting Corruption 2020,” ซึ่งได้รับการเผยแพร่เมื่อวันอังคาร(6 ต.ค.)ได้ทำการศึกษา 47 ประเทศคิดเป็นสัดส่วน 83% ของการส่งออกทั่วโลก โดยยึดเกณฑ์การต่อต้านคอร์รัปชันรูปแบบต่างๆ อาทิ จำนวนการสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องนี้และจำนวนคดีที่ครอบคลุมมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ

ทั้งนี้ ประเทศในเอเชีย6ประเทศได้แก่ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ ฮ่องกงและสิงคโปร์มีคะแนนต่ำสุดในเกณฑ์หรือตัวชี้วัดที่นำมาประเมิน สะท้อนถึงการบังคับใช้กฏหมายที่น้อยมาก หรือแทบไม่มีการบังคับใช้กฏหมายของเจ้าหน้าที่ที่จะเอาผิดกรณีมีพฤติกรรมฉ้อฉลในแวดวงธุรกิจระหว่างประเทศ

รายงานชิ้นนี้ ระบุด้วยว่า มีเพียง 4 ประเทศที่มีการบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจังเพื่อปราบปรามการคอร์รัปชันในแวดวงธุรกิจโลกนั่นคือ สหรัฐ สหราชอาณาจักร สวิตเซอร์แลนด์ และอิสราเอล ส่วนออสเตรเลียมีการบังคับใช้กฏหมายระดับปานกลาง และนิวซีแลนด์ มีการบังคับใช้กฏหมายในด้านนี้อย่างจำกัด

กิลเลียน เดลล์ หัวหน้าหน่วยงานด้านอนุสัญญาของสำนักงานด้านความโปร่งใสระหว่างประเทศ ให้ความเห็นว่า ผลสำรวจชิ้นนี้ไม่ได้หมายความว่าประเทศในเอเชียมีการคอร์รัปชั่นมากกว่าภูมิภาคอื่น แต่หมายความว่าประเทศในเอเชียมีการป้องปรามการคอร์รัปชั่นที่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่ทำธุรกิจในต่างประเทศน้อยมาก