ราคาน้ำมันลดลง 1.17 ดอลลาร์

ราคาน้ำมันลดลง 1.17 ดอลลาร์

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส ปิดตลาดวันจันทร์ (12ต.ค.)ปรับตัวลง หลังจากคนงานภาคพลังงานของนอร์เวย์เลิกผละงานประท้วง และกำลังผลิตใสหรัฐเริ่มฟื้นกลับมาอีกครั้งหลังผ่านพ้นช่วงพายุเฮอร์ริเคนเดลตาถล่ม

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนพ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ปรับตัวลง 1.17 ดอลลาร์ ปิดที่ 39.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.13 ดอลลาร์ ปิดที่ 41.72 ดอลลาร์/บาร์เรล

พายุเฮอร์ริเคนเดลตา ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำลังผลิตพลังงานในอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐหนักหน่วงที่สุดในรอบ 15 ปี ลดระดับความรุนแรงเป็นพายุโซนร้อน ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้คนงานทยอยกลับสู่แท่นขุดเจาะเมื่อวันอาทิตย์(11ต.ค.) ส่วนโททาล บริษัทน้ำมันสัญชาติฝรั่งเศส ระบุว่าได้กลับมาเดินเครื่องผลิตน้ำมัน 225,000 บาร์เรลต่อวัน ที่โรงกลั่นอาเธอร์ในรัฐเทกซัสตามปกติแล้ว

ทั้งนี้ มีการประมาณการว่า การผลิตน้ำมันในลิเบีย ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะเพิ่มขึ้นเป็น 355,000 บาร์เรล/วัน เนื่องจากแหล่งน้ำมันชาราราสามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้อีกครั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากที่เกิดเหตุสุดวิสัยจนทำให้การผลิตหยุดชะงักไปก่อนหน้านี้

ผลผลิตที่เพิ่มขึ้นของลิเบียจะสร้างแรงกดดันให้กับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในการควบคุมปริมาณน้ำมันเพื่อหนุนราคาให้ปรับตัวขึ้น

นักวิเคราะห์จากบีเอ็นพี พาริบาส์ มีความเห็นว่า หากอุปสงค์น้ำมันยังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากมาตรการที่หลายประเทศอาจนำกลับมาใช้เพื่อสกัดการระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 อาจทำให้ทางกลุ่มโอเปกพลัสต้องพิจารณาทบทวนแผนการปรับกำลังการผลิตน้ำมันใหม่อีกครั้ง

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ซาอุดีอาระเบียกำลังพิจารณาเลื่อนแผนการผลักดันให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันปรับเพิ่มกำลังการผลิตออกไปเป็นช่วงท้ายไตรมาสแรกของปีหน้า จากเดิมที่เคยวางแผนว่าจะดำเนินการดังกล่าวในช่วงต้นปีหน้า