'เรืองไกร' ฝ่ายแค้น ใน 'ฝ่ายค้าน' ลุยเอาคืน 'เพื่อไทย'

'เรืองไกร' ฝ่ายแค้น ใน 'ฝ่ายค้าน' ลุยเอาคืน 'เพื่อไทย'

ชื่อเสียงเรียงนามของ "เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ" ปรากฏในสังคมด้วยวีรกรรมการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ทั้งนักการเมือง ยันข้าราชการ แม้กระทั่งองค์กรอิสระ ด้วยความเชี่ยวชาญในฐานะนักบัญชี

ปี 2549 “เรืองไกรเปิดตัวด้วยการเล่นใหญ่ การเลี่ยงภาษีเครือชินคอร์ป ของตระกูลชินวัตรและต่อมาก็ยังไล่ตรวจสอบอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง

และแล้วเส้นทางจากนักตรวจสอบ ก็พลิกผันเข้าสู่เส้นทางการเมืองเต็มตัว โดยลงสมัคร ..ปี2549 แต่ก็สอบตกครั้งแรก กระทั่ง 8 ปีต่อมา เรืองไกรกลับทำเซอร์ไพรส์เข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทย ของอดีตนายกฯ ทักษิณที่ตัวเองเคยไล่บี้

ย้อนไปดูเส้นทางการเมืองของเรืองไกรนับว่าแตกต่างอย่างชัดเจนจากนักการเมืองคนอื่นๆ ด้วยความเป็นนักบัญชีที่เแม่นกฎหมาย จึงใช้ความถนัดยื่นเรื่องตรวจสอบจนมีบทบาทและชื่อเสียง

เขาเป็นที่รู้จักกว้างขวางในช่วงที่ "ทักษิณ ชินวัตร" อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยการตามไล่บี้กรมสรรพากรที่มาเก็บภาษีกับเขาหลังจากได้รับโอนหุ้นจากผู้เป็นพ่อ แต่กับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ในขณะนั้นกลับไม่ต้องเสียภาษีเมื่อโอนหุ้นให้กับ "บรรณพจน์ ดามาพงศ์" ผู้เป็นพี่ชาย

ปี 2551 "เรืองไกร" ได้รับเลือกเข้าไปเป็นสมาชิกวุฒิสภา" และอยู่ในกลุ่ม 40 .. ซึ่งมีบทบาทอยู่ตรงข้ามเครือข่ายทักษิณกระทั่งในยุคที่มีนายกฯ ชื่อ "สมัคร สุนทรเวช" เขาได้ยื่นตรวจสอบกรณีรับจ้างทำรายการ "ชิมไปบ่นไป" จนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้สมัครพ้นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุว่า เป็นการกระทำต้องห้าม ครั้งนั้นเองที่ทำให้ "เรืองไกร" ได้ฉายา"แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์"

แต่แล้วเมื่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง หรือ "นปช." ขับไล่"รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ในช่วงปี 2553 ปะทุ บทบาททางการเมืองของ "เรืองไกร" ก็เริ่มหันเหไปร่วมกับการชุมนุม จนได้ก้าวเข้าสู่การเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และได้เป็นส..บัญชีรายชื่อ ในยุคที่มี "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" เป็นนายกฯ หญิงคนแรก และหลังจากนั้นเขาก็มีบทบาทเรื่อยมาในฐานะฝ่ายฎหมายพรรคเพื่อไทย

เมื่อถึงคราวที่ต้องเตรียมเลือกตั้งครั้งล่าสุด พรรคเพื่อไทยใช้กลยุทธ์แตกแบงค์พัน เรืองไกรย้ายไปลงสมัคร ..บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ แต่ถูกจัดลำดับไปต่อคิวที่ 24 ที่โอกาสเข้าสภามีน้อยถึงน้อยมาก ซึ่งเป็นประเด็นหนึ่งที่เรืองไกรเริ่มไม่พอใจ

จนเมื่อพรรคไทยรักษาชาติถูกยุบ ก่อนเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว 2562 เขาจึงกลับมาช่วยงานพรรคเพื่อไทยอีกครั้งในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่างพ...งบประมาณปี 2563

จนเมื่อถึงคิวการพิจารณาร่างพ...งบประมาณปี 2564 ที่ชื่อของ "เรืองไกร" อยู่ในโผแล้วจู่ๆกลับอันตรธานหายไป ทำให้เขาเดือดดาลอย่างหนัก จึงออกมาแฉว่ามีคนชื่อ "." โทรมาล็อบบี้ต้องการเปลี่ยนตัวเขา เพื่อเอาคนอื่นมาแทน นี่จึงเป็นจุดเปลี่ยนทำให้เรืองไกรตัดสินใจหันหลังให้พรรคเพื่อไทยในที่สุด

จากนั้นไม่นาน เรืองไกรได้เดินเกมถนัด ด้วยการยื่น ... ตรวจสอบ 2 ..เพื่อไทย "ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร" ..มหาสารคาม และ "จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" ..เชียงใหม่ ว่ามีเหตุอันควรสงสัยในการแจ้งบัญชีทรัพย์สิน

ซึ่งเรื่องนี้มีข้อสังเกตจาก "ยุทธพงศ์" ว่า สาเหตุที่เรืองไกรเล่นงาน เป็นเพราะไม่ได้เป็นกมธ.พิจารณาร่างพ...งบประมาณปี 64 หรือไม่

วีรกรรมล่าสุดของเรืองไกร เขาได้ยื่น กกต. ตรวจสอบ "เพื่อไทย" อีกครั้ง กรณีจัดประชุมกรรมการบริหารพรรค ว่าผิดข้อบังคับหรือไม่ ถือเป็นการเอาคืน ที่ไม่ให้ค่า ไม่เห็นความสำคัญในตัวเขา

เรืองไกรกลายเป็นหอกข้างแคร่ที่ไม่อาจประมาทได้ เพราะนับสิบปี ที่เขารู้สายสนกลในพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างดี

เมื่อเขาตัดสินใจเล่นบทฝ่ายแค้น ตรวจสอบฝ่ายค้านอย่างมีเป้าหมาย หลายคนในเพื่อไทย รวมทั้งเจ้าของพรรค คงร้อนๆ หนาวๆ