นปช.เตือนคณะราษฎร 63 อย่าเลยเถิด ห่วงลงท้ายซ้ำรอย 6 ตุลา

นปช.เตือนคณะราษฎร 63 อย่าเลยเถิด ห่วงลงท้ายซ้ำรอย 6 ตุลา

“จตุพร” ประเมินข้อเรียกร้องคณะราษฎรบ้างข้อเลยเถิด เตือน ต้องคิดให้รอบคอบ หวั่น เริ่มต้น 14 ตุลาลงท้ายเป็น 6 ตุลา

เมื่อวันที่ 9 ต.ค.2563 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk โดยประเมินข้อเรียกร้องใหม่ของคณะราษฎร 2563 ว่า ข้อเสนอให้ปฏิรูปสถาบันจะเป็นเส้นบางๆ ซึ่งน่ากังวลอย่างยิ่ง ขอเตือนให้คิดวิธีแก้ไขเปลี่ยนใหม่ในการชุมนุม 14 ต.ค. โดยนายจตุพร กล่าวว่า คณะราษฎร 2563 จะจัดชุมนุม 14 ตุลาได้แถลงเป้าหมาย 3 ข้อ ซึ่งรวมเอาข้อเรียกร้องของกลุ่มปลดแอกกับกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุมเข้าด้วยกัน แล้วเป็นข้อเรียกร้องใหม่ ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรีลาออก เปิดประชุมสภาวิสามัญแก้ รธน. และการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ จากข้อเรียกร้องเดิมให้ยุบสภา แล้วเปลี่ยนใหม่เป็นให้นายกรัฐมนตรีลาออกนั้น มีนัยแตกต่างกัน เพราะการยุบสภาคือคืนอำนาจให้ประชาชน แต่การให้นายกรัฐมนตรีลาออกเท่ากับสภายังมีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ตามบัญชีรายชื่อบุคคลที่แต่ละพรรคการเมืองเสนอไว้ในช่วงเลือกตั้งทั่วไป 

"คณะราษฎร ไม่ได้ชี้แจงเหตุผลว่าทำไมจึงเปลี่ยนมาให้นายกรัฐมนตรีลาออก แต่ผมเคารพการตัดสินใจ เพราะเป็นสิทธิ์ เสรีภาพและตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย สามารถเรียกร้องกันได้" 


ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้มีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6ฉบับ เชื่อว่าถ้ารัฐบาลไม่โลภเกินไปแล้วจะได้ประโยชน์ แต่เมื่อโลภจะทำให้เสียไปหมด เพราะอย่างน้อยถ้ายอมให้แก้รัฐธรรมนูญ ประเด็นนี้ก็ถูกดึงออกจากกองไฟในสถานการณ์สุ่มปัญหาขณะนี้ ในวันนี้ ถ้าประเทศไทยต้องการเปลี่ยนแปลงจริงตามวิถีทางประชาธิปไตย คือ การยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน แล้วเลือกตั้งท้องถิ่น สส. และทำประชามติในคราวเดียวกันทั้งหมดในวันเดียว ก็จ่ายเงินงบประมาณก็เป็นคราวเดียว

นายจตุพร กล่าวว่า ปัญหาวันนี้ แม้ข้อเรียกร้องได้ปรับเปลี่ยนก็ตามแล้ว แต่ท่วงทำนองและบริบทการปฎิรูปสถาบันยังถูกใช้เป็นหลักอยู่ อีกทั้งการชุมนุม 14 ตุลานั้น ในวันนั้นจะมีพิธีที่วัดพระแก้วพระบรมมหาราชวัง ถนนราชดำเนินในช่วงปกติจะเป็นเส้นทางขบวนเสด็จ กรณีเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในการชุมนุมเมื่อพฤษภา 2535 ผู้ชุมนุมต้องเปิดสองข้างทางให้ขบวนเสด็จ แล้วเปล่งเสียงทรงพระเจริญ และเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

"เพียงสถานการณ์ในคราวนี้มีความแตกต่างกัน นี่เป็นเส้นบางๆที่มีความละเอียดอ่อนมาก เพราะหลากหลายเรื่องราว อะไรที่มากเกินไปนั้น คิดว่าบวกก็จะกลายเป็นลบ ผมจึงไม่อยากวิพากษ์ แต่หลายเรื่องควรมีหลักมีสติเหมือนกัน คนเราเมื่อมีความรักกันจริงก็ต้องเตือนกันอย่างมีสติ ประเภทยุส่ง ผมเชื่อว่าไม่มีความรักกันจริง"

นายจตุพร ย้ำว่า หลายเรื่องได้เลยเถิดมามาก สถานการณ์ในวันที่ 14 ตุลานั้น เส้นแบ่งบางๆในความรู้สึกควรระมัดระวังให้มากที่สุด เรื่องบางเรื่องไม่ควรทำ ดังนั้นในช่วงไม่กี่วันนี้ ควรคิดวิธีแก้ไขใหม่ ถ้าคิดว่าได้เปรียบ อาจจะเกิดอาการหุ้นตกอย่างราบคาบก็ได้ ดังนั้น เวทีปราศรัยต้องเป็นไปตามแนวที่ประกาศ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ว่าจะคิด หรือทำอะไรต้องบอกความจริงกับประชาชน เพราะความซื่อสัตย์ต่อผู้ร่วมชะตากรรมเป็นเรื่องใหญ่กับการต่อสู้ 

"ข้อเรียกร้องที่มีการปรับเปลี่ยนขึ้นมาใหม่เป็นเสรีภาพ ส่วนข้อที่สามจะกลายเป็นปัญหา จึงเตือนสติว่า สองข้อแรกชอบธรรม ในข้อที่สามนั้น ประกอบกับมีเส้นแบ่งบางๆตามเส้นทางขบวนเสด็จแล้ว ผมว่าต้องคิดให้รอบคอบ เพราะจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ขออย่าทำให้ 14 ตุลาเป็น 6 ตุลา" นายจตุพร กล่าว