‘ซีอาร์ซี-คอมเซเว่น’นำทีมรับอานิสงส์‘ช้อปดีมีคืน’

‘ซีอาร์ซี-คอมเซเว่น’นำทีมรับอานิสงส์‘ช้อปดีมีคืน’

น่าจะถูกใจบรรดาขาช้อปไม่น้อย หลังรัฐบาลปัดฝุ่นมาตรการ “ช้อปช่วยชาติ” กลับมาอีกครั้ง หวังกระตุ้นกำลังซื้อช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี ภายใต้ชื้อใหม่ “ช้อปดีมีคืน” แถมรอบนี้ยังจัดหนักจัดเต็มมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

เพราะให้สิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 30,000 บาท เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากในอดีด โดยสามารถช้อปสินค้าและบริการจากร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี ร้านหนังสือ สินค้าโอทอป ได้ตั้งแต่ 23 ต.ค. นี้ ไปจนถึงสิ้นปี หรือ เป็นเวลาทั้งหมด 2 เดือน กับอีก 9 วัน

โดยให้เก็บใบเสร็จไปขอลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2563 ภายในวันที่ 31 มี.ค. 2564 โดยอัตราคืนภาษีจะขึ้นอยู่กับฐานภาษีของและคน เริ่มตั้งแต่ 1,500 บาท สำหรับผู้ที่มีเงินได้สุทธิต่อปี 15,001-300,000 บาท ไปจนถึง 10,500 บาท สำหรับผู้ที่มีเงินได้ 5 ล้านบาทขึ้นไป

ทั้งนี้ ด้วยระยะเวลาในการสิทธิที่มากขึ้น วงเงินที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีการคาดการณ์ว่าจะมีเงินสะพัดจากมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ปีนี้สูงถึง 1.2 แสนล้านบาท เทียบกับในอดีต 4 ครั้งที่ผ่านมา ที่มียอดการใช้จ่ายราว 1.2-2.25 หมื่นล้านบาท

มาตรการที่ออกมาพุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนที่พอจะมีกำลังซื้อ รายได้ระดับกลางบนขึ้นไป ให้ออกมาใช้จ่ายช่วงปลายปี น่าจะทำให้บรรยากาศในภาพรวมคึกคักขึ้น อานิสงส์คงตกไปที่ผู้ประกอบการกลุ่มค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ

หากย้อนดูสถิติที่ผ่านมา มาตรการ “ช้อปช่วยชาติ” มีส่วนสำคัญในการช่วยพยุงตลาดหุ้น โดยกลุ่มค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าโมเดิร์นเทรด มักปรับตัวดีกว่า SET Index (Outperform) ในช่วงที่มีมาตรการออกมาจากยอดขายที่เร่งตัวขึ้น

โดยบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ทุกๆ ครั้งที่มีมาตรการช้อปช่วยชาติ ช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นคึกคักขึ้น และ SET Index ปรับตัวขึ้นทุกครั้งเฉลี่ย 0.58% ภายในระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ ส่วนหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาด คือ กลุ่มท่องเที่ยว เพิ่มขึ้น 3.9%, กลุ่มค้าปลีก เพิ่มขึ้น 1.43%, กลุ่มขนส่ง เพิ่มขึ้น 1.22% และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ รวมห้างสรรพสินค้า เพิ่มขึ้น 1.14%

สำหรับหุ้นเด่นรอบนี้ยังไม่พ้นหุ้นค้าปลีก โดยวานนี้ (8 ต.ค.) ดัชนีกลุ่มค้าปลีก +1.44% ที่ดูโดดเด่นมีบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC วอลุ่มแน่น เพราะจะได้รับประโยชน์โดยตรงจากเครือข่ายห้างสรรพสินค้าชั้นนำมากมาย ทั้งเซ็นทรัล, โรบินสัน, ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, เพาเวอร์บาย, ซุปเปอร์สปอร์ต ร้านสะดวกซื้อแฟมิลี่มาร์ท

กลุ่มอุปกรณ์แต่งบ้าน อย่างบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO และ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM บวกเด่น เนื่องจากมียอดใช้จ่ายต่อบิลสูง น่าจะได้รับความสนใจจากผู้บริโภคในการขอลดหย่อนภาษี

อีกกลุ่มที่ห้ามมองข้าม คือ กลุ่มไอที +1.69% โดยเฉพาะบรรดาร้านค้าไอที ทั้งขายปลีกขายส่ง เพราะช่วงปลายปีหลายแบรนด์ไอทีชั้นนำระดับโลก เตรียมเปิดตัวสินค้าเรือธงรุ่นใหม่ อย่างสัปดาห์หน้า “แอ๊ปเปิ้ล” เตรียมเปิดตัว “ไอโฟน12” ชูจุดขายรองรับเทคโนโลยี 5จี งานนี้บรรดาสาวกแอ๊ปเปิ้ลเมืองไทยไม่มีพลาด ยิ่งได้สิทธิลดหย่อนภาษีจากภาครัฐยิ่งจูงใจ

หุ้นเด่นมี บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ที่ราคาหุ้นพุ่งติดจรวจ เดินหน้าทำออลไทม์ไฮขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 ตัวแทนจำหน่ายสินค้าแอ๊ปเปิ้ลรายใหญ่ของไทย และบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART

เชื่อว่าการอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อของรัฐบาลจะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยพยุงตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะ 3 มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ ทั้งการเพิ่มเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, คนละครึ่ง และช้อปดีมีคืน ที่รัฐหวังว่าจะช่วยให้เงินสะพัดในช่วงที่เหลือของปีนี้รวมกว่า 2 แสนล้านบาท

ยังไม่นับรวมมาตรการด้านการท่องเที่ยว ที่ล่าสุด ศบศ. ได้ต่ออายุโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ออกไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค. 2564 และเปิดให้ใช้สิทธิในภูมิลำเนาของตัวเองได้ นอกจากนี้ เตรียมที่จะเริ่มเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวน่าจะทำให้บรรยากาศในภาพรวมดูดีขึ้น