'แฮร์ริส-เพนซ์' ผลัดเชือดเฉือน ประเด็นสงครามการค้า

'แฮร์ริส-เพนซ์' ผลัดเชือดเฉือน ประเด็นสงครามการค้า

เวทีดีเบตชิงรอง ปธน.สหรัฐลุกเป็นไฟอีกครั้ง "แฮร์ริส-เพนซ์" ผลัดกันเชือดเฉือนประเด็นสงครามการค้า โดยผู้ชิงตำแหน่งจากพรรคเดโมแครตย้ำ ทรัมป์พาประชาชนอเมริกันพ่ายสงครามการค้ากับจีน สะท้อนจากยอดคนตกงานเกลื่อนหลายแสน

ในการแสดงวิสัยทัศน์ (ดีเบต) ของเลือกตั้งสหรัฐ 2020 ระหว่างนายไมค์ เพนซ์   ผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันและนางคามาลา แฮร์ริส คู่ชิงจากพรรคเดโมแครตได้จบลงแล้วในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยการดีเบตครั้งนี้ประกอบด้วยหลายประเด็นซึ่งรวมถึง การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19,  สงครามการค้า,  ปัญหาโลกร้อนและการแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลฏีกา โดยมีนางซูซาน เพจ หัวหน้าสำนักงานวอชิงตันของหนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์ ทำหน้าที่ผู้ดำเนินรายการ

ผู้ดำเนินรายการขอให้นางแฮร์ริส และนายเพนซ์ แสดงความเห็นเกี่ยวกับสงครามการค้า ซึ่งในโอกาสนี้ นางแฮร์ริสได้กล่าวโจมตีนายเพนซ์ และคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ว่า ก่อนหน้านี้ รองปธน.เพนซ์กล่าวว่า ปธน.ทรัมป์ได้รับชัยชนะในการทำสงครามการค้ากับจีน แต่ดิฉันขอยืนยันว่า ท่านพ่ายแพ้ในสงครามการค้า ท่านแพ้แล้ว การที่ดิฉันสรุปเช่นนี้ได้ก็เพราะว่า การทำสงครามการค้ากับจีน ส่งผลให้เราสูญเสียตำแหน่งงานในภาคอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมากถึง 300,000 ตำแหน่ง

นางแฮร์ริสยังกล่าวด้วยว่า เกษตรกรเผชิญกับการล้มละลายมากขึ้นในช่วงหลายปีทีผ่านมา และการจ้างงานในภาคการผลิตก็ทรุดตัวลงอย่างมาก

จังหวะนี้เอง นายเพนซ์ได้โต้ตอบกลับมาว่า “พ่ายแพ้ในสงครามการค้ากับจีนอย่างนั้นหรือ? โจ ไบเดน ไม่เคยต่อสู้อะไรด้วยซ้ำ”

“โจ ไบเดน เป็นเชียร์ลีดเดอร์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนมาหลายสิบปีแล้ว และคุณ วุฒิสมาชิกแฮร์ริส คุณพูดบนความคิดเห็นส่วนตัว แต่ไม่ได้พูดบนข้อมูลความจริงที่คุณเองก็มี” นายเพนซ์กล่าว

นอกจากนี้ ทั้งสองยังได้โต้คารมประเด็นโลกร้อน นายเพนซ์ไม่เห็นด้วยกับการที่นางแฮร์ริสมองว่า วิกฤติโลกร้อนเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตของประชาชน โดยเขากล่าวว่า “ภาวะโลกร้อนกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป และเราจะดำเนินการตามคำแนะนำทางวิทยาศาสตร์”

“คุณจะเห็นได้ว่าทุกวันนี้ไม่มีพายุเฮอร์ริเคนมากเหมือนกับเมื่อ 100 ปีที่แล้ว นักเฝ้าระวังภาวะโลกร้อนจำนวนมากมักจะใช้พายุเฮอร์ริเคนและไฟป่าเป็นข้ออ้างในการขายข้อตกลง ‘Green New Deal’ เท่านั้น” นายเพนซ์กล่าว

“ใครกันแน่ที่เตรียมจะเป็นผู้นำประเทศของเราในอีก 4 ปีข้างหน้าเพื่อจัดการกับภัยที่จะคุกคามชีวิตของประชาชน ไบเดนพูดถึงเรื่องนี้ว่า เรากำลังจะลงทุนในพลังงานทดแทน ซึ่งจะทำให้มีการจ้างงานหลายล้านตำแหน่ง เราจะบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2593 ไบเดนมีแผนที่จะทำเช่นนี้ และไบเดนจะกลับเข้าร่วมในความตกลงปารีสว่าด้วยการลดโลกร้อน ซึ่งเป็นความตกลงที่ปธน.ทรัมป์สั่งให้สหรัฐถอนตัวออกมา” นางแฮร์ริสกล่าว

อย่างไรก็ตาม นางแฮร์ริสกล่าวย้ำว่า นายไบเดนไม่ได้สนับสนุน Green New Deal ซึ่งเป็นข้อเสนอที่มุ่งเน้นเรื่องพลังงานสะอาดและมีเป้าหมายที่จะรับมือกับภาวะโลกร้อน แต่ไบเดนเป็นผู้เสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งจะอัดฉีดเงินหลายแสนล้านดอลลาร์เพื่อสร้างงานในธุรกิจพลังงานสะอาด